เที่ยวคันไซ ตอนที่ 6 Arashiyama วัดทอง Kinkakuji และ วัดน้ำใส Kiyomizu ในวันเดียว

เที่ยวคันไซ ตอนที่ 6 Arashiyama วัดทอง Kinkakuji และ วัดน้ำใส Kiyomizu ในวันเดียว

 

หลังจากเมื่อวานเที่ยววัดในเกียวโตได้แค่ 2 วัด คือวัด Eikando และ Nanzenji (กลับไปอ่านตอนที่ 5 คลิกที่นี่) วันนี้เราตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไป Arashiyama เพื่อถ่ายรูปที่ป่าไผ่ เดินชมวัด Jojakkoji, Tenryuji และ เดินชมธรรมชาติริมแม่น้ำ จากนั้นไปชม ปราสาททองโอสถ เอ้ย Golden Pavilion ที่วัด Kinkakuji หรือ วัดทอง แล้วนั่งรถบัสต่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่วัด Kiyomizu หรือ วัดน้ำใส ก่อนเดินทางกลับที่พัก เรียกว่าวันนี้เดินทางวนรอบเมืองเกียวโต 1 รอบพอดี

Kyoto Cover

การเดินทางจาก K’s House Hostel ไป Arashiyama ใช้วิธีขึ้นรถไฟ JR จากสถานี Kyoto ไปยังสถานี Saga-Arashiyama เรามาถึงสถานีตั้งแต่ยังไม่ 7 โมง เจอผู้คนมากมายกำลังวิ่งไปต่อรถไฟกันอย่างรีบร้อน สงสัยยังต้องต่อรถไปอีกไกล เลยต้องวิ่งทำเวลาหน่อย

Kyoto

มื้อเช้าวันนี้ฝากท้องไว้ที่ เซเว่น ที่สถานี Kyoto เป็นข้าวปั้นไส้ปลาแซลมอน

ข้าวปั้นไส้ปลาแซลมอน

ป่าไผ่

7 โมงหน่อย ๆ เราก็มาถึงสถานี Saga-Arashiyama แล้ว ทางออกจากสถานีออกได้ 2 ทาง เราสองคนออกทางทิศใต้เพื่อเดินไปป่าไผ่เป็นจุดหมายแรก (จริง ๆ สถานที่เที่ยวหลัก ๆ ก็ออกทางทิศใต้หมดเลยนะ)

Saga-Arashiyama

สถานี Saga-Arashiyama สร้างได้สวยงามดี

Saga-Arashiyama

หน้าสถานีมีตู้ 100 เยน อีกแล้วจัดไป แต่ละครั้งที่กดเราไม่เคยกดน้ำซ้ำเลย ลองไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ 5555

Arashiyama

ฝั่งตรงข้ามมีรถมาเติมน้ำในตู้พอดี ขอแอบดูซะหน่อยว่าข้างในเป็นไง

Arashiyama

เปิด Google Map ในมือถือเดินตามไปเรื่อย ๆ บรรยากาศยามเช้าที่นี่ดูเงียบสงบดีจริง ๆ

Arashiyama

สองข้างทางจะมีบ้านทรงญี่ปุ่นให้เดินดู มีทางเข้าเหมือนเป็นวัด อยู่หลายจุดเลย

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

อย่าลืมสังเกตป้ายบอกทางด้วยนะครับ เดี๋ยวจะเลย จากป้ายนี้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปอีก 250 เมตรก็ถึงป่าไผ่แล้ว

Arashiyama

(ดูตำแหน่างป่าไผ่ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

พอเข้ามาถึงก็ตั้งกล้องถ่ายกันเลย ถ่ายเสร็จดูภาพแล้วทำไม มันไม่เหมือนกับที่คนอื่นถ่ายหว่า สายไฟกับต้นไม้มันเกะกะอะไรแบบนี้ พยายามหามุมอยู่นานก็ไม่เจอ

ป่าไผ่

สุดท้ายเพิ่งมารู้ว่า ป่าไผ่แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ต้องเดินผ่านช่วงแรกไปก่อน ถึงจะเจอจุดที่ไม่มีสายไฟ

ป่าไผ่

มาถึงเจอฝรั่งกำลังถ่ายจักรยานที่ตัวเองเช่ามาอยู่ เลยขอแจมด้วย

ป่าไผ่

ป่าไผ่

สักพักมีรถเข้ามาด้วยแฮะ (เข้ามาได้ไงหว่า)

ป่าไผ่

มาเช้า ๆ นี่คนน้อยถ่ายสบาย พี่ข้างหลังสองคนเป็นคนไทยเหมือนกัน

ป่าไผ่

ป่าไผ่

ป่าไผ่

ป่าไผ่

หามุมถ่ายไปเรื่อย

ป่าไผ่

ป่าไผ่

ป่าไผ่

ป่าไผ่

พอถึงสุดทางก็รู้ว่า รถเก๋งที่เข้ามาก่อนหน้าเป็นทีม Pre-Wedding ชาวจีน มาถ่ายกัน  น้องปลาบอกน่าสงสารเจ้าสาว  ก็อากาศหนาวนี่นะ

ป่าไผ่

สุดทางจะเป็น 3 แยก เลี้ยวซ้ายไปจุดชมวิว เลี้ยวขวาไปวัด Jojakkoji เราไปทางซ้ายกันก่อน เดินประมาณ 200 เมตรจะมีเนินขึ้นไปชมวิวมุมนี้

(ดูตำแหน่งจุดชมวิวด้วย Google Map คลิกที่นี่)

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

ชมวิวเสร็จแล้วถ้าเดินต่อไปก็จะลงไปตรงทางเดิมริมแม่น้ำได้ แต่เราเดินย้อนกลับมาเพื่อไปวัด Jojakkoji ก่อน ระหว่างทางจะเจอสถานีรถไฟ Arashiyama จุดนี้รถไฟสายโรแมนติกจอดด้วยนะ ไม่รู้ว่าเป็นต้นทางหรือปลายทาง ผมไม่ได้คิดจะขึ้นเลยไม่ได้ทำการบ้านมา

Arashiyama

Arashiyama

อากาศหนาวเลยแวะซื้อ Soft cream 300 เยน กินซะหน่อย

Arashiyama

วัด Jojakkoji

ระยะทางจากป่าไผ่ไปวัด Jojakkoji ประมาณ 350 เมตร ระหว่างทางก็เป็นบ้านคนมีใบไม้หลากสีให้ดูไปด้วย

Jojakkoji

Jojakkoji

มาถึงหน้าวัด มีรายการอะไรสักอย่างยกกองมาถ่ายที่นี่พอดี

Jojakkoji

(ดูตำแหน่งวัด Jojakkoji ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

ค่าเข้าชมวัด Jojakkoji คนละ 400 เยน

Jojakkoji

Jojakkoji

วันนี้โชคไม่ดีตรงที่ฟ้ามีเมฆมาก ใบไม้ไม่โดนแดดแล้วสีไม่ค่อยขึ้น

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

วัดนี้ต้นไม้มีส่วนผสมของต้นไผ่ด้วย ก็ได้ความรู้สึกอีกแบบนึง แต่ที่นี่ไม่เหมาะกับคนสูงอายุเท่าไหร่ เพราะทางเดินเป็นบันไดล้วน ๆ

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

เดินวนถ่ายรูปหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 40 นาที พอออกจากวัดแดดมาพอดี ให้มันได้อย่างนี้สิ

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

Jojakkoji

วัด Tenryuji

ออกจากวัดแล้วเดินย้อนกลับมาทะลุทางป่าไผ่ กลับมาที่จุดเริ่มต้นเส้นทางป่าไผ่ จะมีทางเข้าวัด Tenryuji อยู่ วัดนี้เข้าออกได้หลายทาง เราเลือกเข้าทางนี้เพราะตั้งใจจะออกฝั่งทางเดินเลียบแม่น้ำ ค่าเข้าวัด Tenryuji 500 เยน

Tenryuji

(ดูตำแหน่งวัด Tenryuji ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

อย่างที่บอกวัดนี้อยู่หน้าทางเข้าป่าไผ่

Tenryuji

Tenryuji

จุดเด่นของวัดนี้คือ สวนหินแบบเซ็น มีสระน้ำและใบไม้เปลี่ยนสี เราสามารถเข้าไปนั่งในจุดตรงข้ามกับสระเพื่อดื่มชา ชมสวนได้ แต่พอไปนั่งจริง ๆ อาจจะไม่เห็นอะไรเท่าไหร่ เพราะข้างหน้ามีคนยืนบัง 555  เวลาตอนนี้ 10 โมงครึ่งแล้ว นักท่องเที่ยวเพียบเลย

Tenryuji

Tenryuji

สวนที่นี่สวยงามจริง ๆ ฉากหน้าเป็นน้ำ ฉากหลังเป็นภูเขา ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว มันช่างเหมือนภาพวาดยิ่งนัก

Tenryuji

Tenryuji

Tenryuji

Tenryuji

Tenryuji

Tenryuji

ชื่นชมความงามเรียบร้อยแล้ว เราเดินออกมาทางเดินริมแม่น้ำกันต่อ 

Tenryuji

Tenryuji

Arashiyama

โดยปกติแล้วบริเวณนี้ของ Arashiyama ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยติดอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นเลย น่าเสียดายที่ปีนี้ใบไม้ไม่ค่อยเปลี่ยนสี และยังร่วงเร็วอีกต่างหาก แถมวันนี้เมฆเยอะไม่ค่อยมีแดดอีก คงต้องหาโอกาสกลับมาชมความงามใหม่ถ้ามีโอกาส

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

แม้ว่าสีของใบไม้จะไม่พีค แต่บรรยากาศบริเวณนี้ก็ยังคงความสงบ สวยงาม

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

11 โมงกว่าพลังข้าวปั้นตอนเช้าเริ่มหมดแล้ว หาอะไรกินกันดีกว่า บริเวณสะพาน Togetsukyo จะมีร้านขายของอยู่เยอะแยะเลย เราเลือกร้านที่อยู่ตรงตีนสะพานพอดี

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

ด้านในที่นั่งจะเรียงกันโดยหันหน้าออกหน้าต่างเพื่อชมวิว

Arashiyama

Arashiyama

น้องปลาสั่งเสต็กเนื้อญี่ปุ่นกับซุป Domestic beef cubed steak with soup 1296 เยน เมนูนี้น่าจะเป็นเนื้อที่นุ่มน้อยที่สุด แต่ก็ถือว่าอร่อยอยู่ดี

Arashiyama

Arashiyama

ส่วนผมสั่ง แกงกระหรี่แฮมเบอเกอร์ Hamburger steak curry 972 เยน ตั้งราคาได้อินดี้มาก จานนี้หมูนุ่มอร่อยดี

Arashiyama

Arashiyama

กินอิ่มแล้วฟ้าเริ่มใสซะงั้น แต่ได้เวลาที่เราต้องเดินทางไปวัดทอง Kinkakuji กันแล้ว เลยเก็บภาพสุดท้ายไว้ก่อนเดินกลับไปที่สถานี Saga-Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

Arashiyama

วัดทอง Kinkakuji

การเดินทางไป วัดทอง Kinkakuji เราจะเดินทางด้วยรถไฟจาก Saga-Arashiyama ไป 3 สถานี ลงที่สถานี Emmachi จากนั้นต่อรถบัสสาย 205 เดอะมอลล์ท่าพระ – คลองเตย (ใช่ที่ไหน 555)  นั่งรถบัสไปอีก 6 ป้ายลงหน้าวัดพอดี

Kinkakuji

Kinkakuji

รถบัสที่เกียวโตจะเก็บราคาเดียวคือ 230 เยน และมีตั๋ววันขายบนรถราคา 500 เยน ขึ้นได้ทุกสายที่เก็บราคานี้ กี่รอบก็ได้ ผมคำนวณแล้ว เดี๋ยวออกจาก วัดทอง ก็จะนั่งอีกเที่ยวไปวัดน้ำใส จากนั้นขากลับนั่งจากวัดน้ำใสไป K’s House Hostel อีก 1 เที่ยว เลยซื้อตั๋ววันไว้ซะเลย

Kinkakuji

โชคดีผมรอรถบัสไม่นาน แถมรถไม่ติดเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงทางเข้า วัดทอง Kinkakuji แล้ว

Kinkakuji

(ดูตำแหน่งวัดทอง Kinkakuji ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

โชคดีซ้ำสอง ตอนนี้ฟ้าใสแดดแรง เหมาะแก่การถ่ายรูปอย่างยิ่ง

Kinkakuji

Kinkakuji

Kinkakuji

Kinkakuji

Kinkakuji

ค่าเข้าชมวัดทอง Kinkakuji 400 เยนต่อคน

Kinkakuji

เดินเข้ามาปุ๊บก็จะเจอ Golden Pavilion ก่อนเลย การถ่ายรูปเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะคนเยอะมาก ต้องผลัดกันเข้าไปถ่าย ถ่ายแล้วออกให้คนอื่นถ่ายบ้าง ผมถ่ายมุมมหาชนมาหลายสิบใบอยู่

วัดทอง Kinkakuji

วัดทอง Kinkakuji

วัดทอง Kinkakuji

วัดทอง Kinkakuji

จากนั้นก็เดินวนในวัดหนึ่งรอบ ก็จะมีมุมให้ถ่ายปราสาททองจากมุมอื่น ๆ อีก

Kinkakuji

วัดทอง Kinkakuji

วัดทอง Kinkakuji

Kinkakuji

วัดทอง Kinkakuji

Kinkakuji

วัดน้ำใส Kiyomizu

ออกจากวัดทอง เราจะนั่งรถต่อไปวัดน้ำใส Kiyomizu ถ้าต้องการเดินให้น้อยที่สุดต้องนั่งรถสองต่อ แต่ผมไม่ค่อยอยากต่อรถ และ เป็นคนขยันเดิน เลยเลือกที่จะขึ้นรถสาย 205 ต่อเดียว 24 ป้าย ไปลงใกล้ ๆ แล้วเดินต่ออีก 1.8 กิโล อากาศเย็น ๆ แบบนี้เดินได้เรื่อย ๆ ดูบ้านเมืองเค้าไปด้วย

Kiyomizu

ตอนอยู่บนรถเราก็เอามือถือเปิด Google Map ไปด้วยเพื่อดูว่าใกล้ถึงจุดที่ต้องลงหรือยัง ทำตามนี้รับรองไม่มีหลง ลงรถแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ

Kiyomizu

ระหว่างทางเดินเข้าวัด จะมีร้านขายของมากมาย แวะซื้อซาลาเปากินซะหน่อย จริง ๆ ร้านนี้น่าจะมีชื่อเรื่องซาลาเปาไส้เนื้อ แต่อยากกินเป็นของหวานมากกว่า เลยสั่งเป็นไส้งาดำถั่วแดง 250 เยน รสชาติก็อร่อยพอใช้ได้

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

พอใกล้วัดขึ้นไปเรื่อย ๆ คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

Kiyomizu

(ดูตำแหน่งวัดน้ำใส Kiyomizu ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

มาถึงหน้าวัดแล้ว ทั้งนักท่องเที่ยว คนญี่ปุ่น นักเรียนมาทัศนศึกษา เต็มไปหมดแทบไม่มีที่ว่างให้เห็น

Kiyomizu

สาว ๆ (น่าจะคนจีน) ใส่กิโมโน Salfie กัน

Kiyomizu

ตอนนี้เวลาบ่ายสามโมงนิด ๆ เราจะอยู่ที่นี่จนพระอาทิตย์ตกเลย (ฤดูใบไม้ร่วงนี่ 4 โมง 45 ก็มืดแล้ว)

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

ผมจำค่าเข้าชมวัดน้ำใสไม่ได้ น่าจะประมาณ 400 เยน ไม่แพงมาก

Kiyomizu

วัดน้ำใส Kiyomizu

ที่นี่เป็นอีกจุดที่มีชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีมาก วิวจากตัววัดมองไปมาสวยทุกมุมเลย

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

วัดน้ำใส Kiyomizu

วัดน้ำใส Kiyomizu

Kiyomizu

มาถึงมุมมหาชนบ้าง แม้ว่าใบไม้จะยังไม่แดงเต็มที่แต่ก็สวยสุด ๆ แล้ว

วัดน้ำใส Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

วัดน้ำใส Kiyomizu

หลังจากเดินชมวัด 1 รอบ เราสองคนก็ลงมาที่จุดน้ำสามสาย เพื่อต่อคิวเข้าไปดื่ม โดยน้ำแต่ละสายจะให้ผลไม่เหมือนกัน (ซึ่งผมไม่ได้จำ)

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

คิวยาวเหมือนกัน แต่ทุกคนก็ทำเวลาได้ดี คือแต่ละคนจะรองน้ำแค่ 1 สาย แล้วลงเลยไม่มีใครทำสามรอบ

Kiyomizu

ดื่มน้ำเสร็จแล้วก็นั่งรอพระอาทิตย์ตก แล้วเดินกลับขึ้นไปถ่ายใหม่

Kiyomizu

วัดน้ำใส Kiyomizu

วัดน้ำใส Kiyomizu

เดินออกมาถึงหน้าวัด ฟ้ามืดพอดี

Kiyomizu

Kiyomizu

ระหว่างทางเจอร้านของทอดข้างทาง เลยซื้อกุ้งกับหัวหอม ราคา 450 เยน มาลองกินดูซะหน่อย อร่อยมั๊ก ๆ เลย

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

เดินออกมาที่ถนนเพื่อขึ้นรถบัสกลับที่พัก ระหว่างทางเจอร้าน Okonomiyaki Kiraku (ลืมถ่ายรูปหน้าร้านมา) เลยนึกได้ว่า ตั้งแต่มายังไม่ได้กินเลย ต้องจัดซะหน่อย

Kiyomizu

Kiyomizu

(ดูตำแหน่งร้าน Okonomiyaki Kiraku ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

โต๊ะภายในร้านจะเป็นเตาแผ่นใหญ่เลย

Kiyomizu

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ทางร้านจะทำอาหารที่เตากลาง จากนั้นก็เอามาใส่เตาที่โต๊ะให้เราปรุงต่อ ทำให้อาหารร้อนตลอดเวลาด้วย

Kiyomizu

Kiyomizu

จานแรก เบค่อนพันหน่อไม้ฝรั่ง Asparagus bacon 450 เยน เมนูนี้พอใช้ แต่ที่ Muteki เมืองไทยอร่อยกว่า

Kiyomizu

ต่อไป ยากิโซบะ กุ้ง 750 เยน อร่อยกว่ายากิโซบะบ้านเราเยอะเลยแฮะ

Kiyomizu

Okonomiyaki หมูกับปลาหมึก 800 เยน สารภาพเลยว่าไม่เคยกินเมนูนี้มาก่อนเลยครับ  เลยไม่รู้ว่าอันนี้อร่อยกว่าที่เมืองไทยหรือเปล่า แต่สำหรับที่นี่ผมว่าอร่อยดีทีเดียวครับ

Kiyomizu

Kiyomizu

Kiyomizu

ปิดท้ายด้วยของหวาน White Stawberry Ice-cream 350 เยน ตกม้าตายตรงของหวานนี่แหละ มันเย็นแข็งจนไม่ได้รสชาติอะไรเท่าไหร่

Kiyomizu

มื้อนี้ราคา 2,530 เยน เทียบกับราเม็งเมื่อวานแล้ว มื้อนี้ดีกว่ามากกกก

Kiyomizu

กินอิ่มเสร็จก็มารอรถบัสกลับที่พัก ออกมาเห็นคิวแล้วจะเป็นลม คิวยาวเป็นร้อยเมตร แถมทุกคนต้องการกลับไปที่สถานีเกียวโตกันหมด ซึ่งที่พักเราอยู่ก่อนถึงสถานีเกียวโต 2 ป้าย รออยู่นานมากกว่าจะได้ขึ้น ถึงที่พักก็หมดแรงอาบน้ำนอนเลย พรุ่งนี้จะไปศาลจิ้งจอก Fushimi Inari ก่อนเดินทางกลับโอซาก้าไปเที่ยว Kaiyukan Osaka Aquarium กันต่อ ไปเที่ยวต่อคลิกที่นี่เลย

Kiyomizu

About A+

หนุ่มแว่น สายไอที ผู้พยายามจะเอาดีด้านการถ่ายภาพ (แต่ยังไม่ดีสักที) มีคอนเซ็ปในการท่องเที่ยวแบบเน้นสบาย ไม่เอาลำบาก

Check Also

เนื้อมัตสึซากะ

Yakiniku M Dotonbori ร้านปิ้งย่าง เนื้อมัตสึซากะ เนื้อวัวขั้นเทพที่พลาดไม่ได้

เนื้อมัตสึซากะ เนื้อวัดขั้นเทพติดอันดับโลก ที่ร้าน Yakiniku M Dotonbori ในเมืองโอซาก้า ใครที่ชอบกินเนื้อห้ามพลาด ใครที่ไม่ชอบกินเนื้อยิ่งพลาดไม่ได้