เที่ยวคันไซ ตอนที่ 7 เที่ยวศาลจิ้งจอก Fushimi Inari และ Osaka Aquarium Kaiyukan
หลังจากเมื่อวานเที่ยวแบบจัดหนักทั่วเกียวโตแบบทั่วทุกทิศ ตั้งแต่ไป Arashiyama ทางตะวันออก แล้วขึ้นเหนือไปวัดทอง Kinkakuji จากนั้นไปทางตะวันตกเที่ยววัดน้ำใส Kiyomizu (คลิกที่นี่เพื่อกลับไปเที่ยวเกียวโตอีกครั้ง) วันนี้เราจะเดินทางลงใต้เพื่อกลับโอซาก้า ระหว่างทางแวะชมความงามของอุโมงเสาโทริอิ ที่ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอก Fushimi Inari Shrine กันก่อน แล้วช่วงบ่ายไปเที่ยว Osaka Aquarium Kaiyukan กันต่อ
วันนี้เป็นอีกวันที่เราต้องตื่นแต่เช้า เช็คเอาท์ออกจาก K’s House Hostel ตั้งแต่ 7 โมง เพื่อหลีกเลี่ยงมวลมหาประชาชนที่จะไปอัดกันอยู่ในอุโมงเสาโทริอิ การเดินทางไปศาลเจ้า Fushimi Inari สามารถใช้รถไฟท้องถิ่น หรือ JR ก็ได้ขึ้นอยู่กับที่พักว่าใกล้สถานีฝั่งไหนมากกว่ากัน ถ้าขึ้น JR Nara Line ที่สถานีเกียวโต จะไปลงที่สถานี Inari ซึ่งอยู่ตรงข้ามศาลเจ้าเลย ถ้าไปด้วยรถไฟท้องถิ่นจะต้องเดินอีกประมาณ 250 เมตร เราสองคนพักใกล้รถไฟท้องถิ่นมากกว่า จึงเดินไปสถานี Shichijo Keihan Line แทน บรรยากาศเช้า ๆ ที่นี่เงียบสงบมาก ต่างจากสถานีเกียวโตอย่างเห็นได้ชัด
จากสถานี Shichijo ไปยังสถานี Fushimi-Inari แค่ 3 สถานีเท่านั้น (KH37 -> KH34) แต่เวลาขึ้นรถไฟต้องดูขบวนให้ดี เพราะสถานี Fushimi-Inari เป็นสถานีเล็ก รถไฟบางขบวนไม่จอด วิธีการดูว่าขบวนไหนจอดบ้างให้ดูที่ป้ายบอกเวลารถเข้าสถานี ซึ่งจะแสดงสีและประเภทรถไว้ด้วย รถไฟที่จอดคือ สีส้ม สีน้ำเงินและสีดำ ส่วนสีแดงกับม่วงไม่จอดนะจ๊ะ
จากรูปขบวนสีน้ำเงินเข้าเทียบชานชลาเวลา 7.23 สีแดงมา 7.27 ที่หน้ารถก็มีสีน้ำเงินกับดำให้ดูเหมือนกันดังนั้นขบวนนี้ขึ้นได้จ้า
ศาลเจ้า Fushimi Inari
มาถึงสถานี Fushimi-Inari จะเห็นการตกแต่งด้วยเสาสีแดงพร้อมรูปจิ้งจอก ถ้าไม่เจอแปลว่าลงผิดที่นะ ออกจากสถานีก็จะเห็นป้ายบอกทางไปศาลเจ้าเลย
เดินเรื่อย ๆ ก็จะเจอทางรถไฟของ JR Nara Line
ผ่านร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดังด้วยนะ ตอนแรกวางแผนว่าจะกินมื้อเช้าที่นี่แต่ร้านเปิด 10 โมงซะงั้น
เดินเลี้ยวขวามาอีกนิดเดียวก็เจอทางเข้าศาลเจ้า Fushimi Inari แล้ว
(ดูตำแหน่ง Fushimi Inari ผ่าน Google Map คลิกที่นี่)
ตรงข้ามทางเข้าคือสถานี JR Inari
ระหว่างทางเดิน มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ดูเล็กน้อย แต่มีรูปปั้นจิ้งจอกให้ดูเรื่อย ๆ
ก่อนเข้าศาลเจ้าต้องล้างมือก่อน ที่นี่มีป้ายอธิบายขั้นตอนชัดเจนดี
ด้านในมีศาลเจ้าเทพเจ้านกกระเรียนด้วย
จากนั้นเราเดินไปด้านหลังเพื่อไปยังอุโมงเสาโทริอิกัน จริง ๆ แล้วระยะทางของเสานั้นยาวหลายกิโล สุดทางมีจุดชมวิวด้วย แต่มีหลายคนบอกว่าไม่คุ้มเดินเท่าไหร่เราเลยไม่ได้วางแผนว่าจะเดินไปสุด
มาถึงแล้วช่วงแรกจะเป็นเสาใหญ่เรียงกันไม่ค่อยถี่มาก
เดินไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางแยกมีเสาต้นเล็กลงและเรียงติด ๆ กันเลย
ถ่ายรูปได้สักพัก เริ่มมีคณะนักเรียนมาทัศนศึกษากันแล้ว
พอคนเยอะก็ได้เวลากลับของเราพอดี
ระหว่างทางเดินกลับไปสถานี Fushimi-Inari มีร้านขายขนมรูปจิ้งจอกอยู่ กลิ่นหอมทีเดียว เราสองคนเลยแวะชิมซะหน่อย รสชาติคล้าย ๆ ทองม้วนบ้านเรา แต่มันหนากว่า เลยซื้อติดมือมา 2 กล่อง
เดินต่อมาอีกหน่อยเจอร้าน Cafe Goo มีขายอาหารเช้าด้วย เลยเข้าไปกินก่อนกลับโอซาก้าซะเลย
(ดูตำแหน่งร้าน Cafe Goo ด้วย Google Map คลิกที่นี่)
เจ้าของร้านเป็นคุณป้ายังวัยรุ่น ทำผมชี้ ๆ เหมือนคุณหญิงหมอพรทิพย์ แกพยายามพูดภาษาจีนใส่ ผมเลยบอกไปว่าเป็นคนไทย แกพูดภาษาไทยได้คำนึง “ขอบคุณค่ะ” นับถือในความพยายามจริง ๆ
โชคดีที่นี่มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย ไม่งั้นคงเมื่อยมืออีกแน่นอน อาหารเช้าเป็นขนมปังซะส่วนใหญ่ ราคาประมาณ 500 เยน
จานนี้ของผม NanHotdog 550 เยน เป็น Hotdog ราดด้วยซอสแกงกระหรี่ ก็อร่อยดีนะ
ของน้องปลา Ham Cheese Toast 550 เยน เหมือนกัน ขนมปังชิ้นใหญ่เกินไปทำให้รสชีสไม่ทั่วถึงเลยจืดไปนิด
กินอิ่มกันแล้วก็เดินทางกลับโอซาก้า ตามแผนวันนี้เราจะเอากระเป๋าไปเก็บที่ Osaka Hana Hostel ก่อน แล้วค่อนเดินทางไป Osaka Aquarium Kaiyunkan กัน การเดินทางเราสามารถนั่งรถไฟต่อไปทางเดิมจากสถานี Fushimi-Inari ได้เลย ขบวนจะไปสิ้นสุดที่ สถานี Yodoyabashi แต่เนื่องจากสถานี Fushimi-Inari ไม่มีรถด่วนจอด เราเลยต้องนั่งรถไปลงที่สถานี Tambabashi ก่อน แล้วเปลี่ยนไปนั่งขบวนรถด่วนอีกทีจะเร็วกว่ามาก
10 โมงครึ่งเราก็มาถึง Shinsaibashi แล้ว หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินไปขึ้นรถไฟที่ Namba ระหว่างทางเดินผ่านร้านแพนเค้กชื่อ Gram ตอนร้านเปิดพอดี เลยถือโอกาสเข้าไปกินซะเลย
ตอนแรกคิดว่าจะกินแค่รองท้อง ที่ไหนได้เล่นเอาอิ่มกันเลยทีเดียว
(ดูรีวิวร้าน Gram เต็ม ๆ คลิกที่นี่)
Osaka Aquarium Kaiyukan
จากนั้นเราเดินทางไปเที่ยว Osaka Aquarium Kaiyukan พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีแทงค์น้ำใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น (อันดับหนึ่งอยู่ที่โอกินาว่า) การเดินทางด้วยรถไฟจาก Shisaibashi ใช้รถไฟสาย Midosuji Line 1 สถานีไปลงที่สถานี Hommachi หรือใครจะเดินไปก็ได้ จาก Hommachi เปลี่ยนขบวนไปสาย Chuo Line 5 สถานี ไปลงที่สถานี Osakako ทางออกที่ 1 หรือ 2 แล้วเดินต่ออีก 850 เมตรก็ถึงแล้ว
เดินเยอะแบบนี้ หาน้ำเติมพลังหน่อย ช่วงนี้ Theme Star Wars กำลังมาแรง
เดินมาถึง 4 แยกจะเจอชิงช้าสวรรค์ ที่ญี่ปุ่นนี้ชิงช้าสวรรค์เยอะจริง ๆ
ข้ามถนนมาตรงชิงช้า ก็จะเจอป้ายต้อนรับแล้ว
Osaka Aquarium Kaiyukan จะอยู่ติดกับห้าง Tempozan ในห้างมี Lego Land ด้วยด้านหน้าเลยเอา Lego มาต่อเป็นยีราฟตัวเท่าของจริงเลย
เดินมาสุดทางก็จะเจอ Aquarium แล้ว ที่นี่ปกติจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม ค่าเข้าชมคนละ 2300 เยน มีวันหยุดประจำปีที่เค้าจะประกาศล่วงหน้า สามารถเข้าไปดูได้ที่ Website Kaiyukan ได้เลย มีภาษาไทยด้วยนะ
(ดูตำแหน่ง Osaka Aquarium Kaiyukan ด้วย Google Map คลิกที่นี่)
เราซื้อตั๋วเข้าที่นี่มาจากบนเครื่องบิน Air Asia รูดบัตรได้แต่ไม่มีส่วนลดใด ๆ เพิ่งมารู้หลังจากมาถึงว่า ซื้อที่ Hana Hostel ก็ได้ มีส่วนลดให้ด้วย เศร้าแพร๊บ
พระเอกประจำ Aquarium คือเจ้าฉลามวาฬนั่นเอง ถ่ายคู่ซะหน่อย
เนื่องจาก Osaka Aquarium Kaiyukan อยู่ริมอ่าวจึงมีบริการเรือชมวิวด้วย แต่งเรือสวยงามน่าขึ้นมาก (แต่ไม่ได้ขึ้นนะ) นอกจากเรื่องชมอ่าวแล้ว ที่นี่ยังมีเรือรับส่งไปยัง Universal Studio Japan ด้วย สำหรับคนที่อยากเที่ยว 2 ที่ในวันเดียวใช้บริการเรือก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน
กลับมาเที่ยว Aquarium ต่อ เข้ามาด้านในจะมีตารางกิจกรรม บอกเวลาที่จะมีกิจกรรมในแต่ละจุดไว้ เช่นโชว์โลมา ไปดูได้ตอน 11 โมงครึ่ง กับ บ่าย 2 โมง เป็นต้น
อีกด้านเป็นจุดขายขวดโหลเล็ก ๆ ตกแต่งเป็นใต้ทะเล ไม่แน่ใจว่าให้ทำเองได้หรือเปล่า
เป็นธรรมเนียมของ Aquarium ทุกที่ เราต้องเดินผ่านอุโมงน้ำกันก่อน
จากนั้นจะเจอลิฟท์ที่พาเราขึ้นไปชั้น 7 เราจะเริ่มชมจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง โดยเดินทางลาดลงมาเรื่อย ๆ เป็นวงกลม รอบแทงค์น้ำยักษ์ที่อยู่ตรงกลางนั้นเอง
ชั้นบนสุดจะเป็นสัตว์ที่ไม่ได้อยู่ใต้น้ำ เช่นพวกนาก ปู นกเป็ดน้ำ แมวน้ำ สิงโตทะเล อะไรประมาณนี้
นอกจากนั้นยังมี กิ้งก่า และ สัตว์แปลก ๆ อย่างหนูที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ตัวใหญ่เท่าหมาเลยทีเดียว
เดินต่อมาจะเจอกับฝูงเพกกวิน มีทะเลาะกันด้วย
ตามด้วยโลมา
มาถึงแทงค์กลางแล้ว พระเอกของเราก็โผล่มา มี Manta ray ตัวใหญ่ด้วย
มีวิดีโอให้ดูด้วยนะ ตัวมันใหญ่จริง ๆ
เดินลงมาเรื่อย ๆ ก็จะมองเห็นกิจกรรมใต้น้ำของสัตว์ที่เราเห็นด้านบนว่าพออยู่ใต้น้ำมันเป็นยังไงกันบ้าง
ตัวนี้ปกติเคยเห็นแต่ในการ์ตูน เพิ่งเจอตัวเป็น ๆ ก็วันนี้แหละ หน้าตาประหลาดจริง ๆ
เดินมาถึงแทงค์โลมา ด้านบนมีโชว์อยู่พอดี ดูโชว์จากด้านล่างก็ได้ความรู้สึกไปอีกแบบ เป็นภาพที่เราไม่เคยเห็น ปกติเราเห็นครูฝึกสั่งโลมาให้ว่ายไปมา ให้กระโดด พอมาดูใต้น้ำก็จะเห็นว่าโลมา ต้องว่ายเร็วขนาดไหนถึงจะมีแรงส่งตัวให้พุ่งขึ้นไปได้ สนุกดีเหมือนกัน
เดินมาถึงก้นแทงค์อยู่มีการแสดงให้อาหาร Manta ray พอดี เลยถ่ายวิดีโอเก็บไว้ เวลากินน่ากลัวจนเด็กที่ดูอยู่ร้องไห้เลย สงสัยนึกว่ามันกินคนเข้าไปแล้ว
ปูจ้าปู จะใหญ่ไปไหนเนี่ย
หลังจากผ่านแทงค์ยักษ์มาแล้ว จะเข้าสู่โซนใต้ทะเลลึก ที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำหน้าตาแปลก ๆ แนวแมงกะพรุน ตัวเล็ก ๆ
ผ่านออกมาก็จะเจอกับสิงโตทะเลนอนยิ้ม กับ เพนกวินอีกสายพันธุ์นึง
มีพิพิธภัณฑ์ฉลามให้ศึกษาด้วย ตรงนี้เป็นส่วนสุดท้าย จากนั้นก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก และทางออกมาด้านข้างจุดเดิมที่เราเดินเข้าไป ใช้เวลาอยู่ข้างในประมาณ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
เวลาตอนนี้เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว เราจะกลับไปเดินช็อปปิ้งกันที่ Namba แล้วกินมื้อเย็นที่ Dotonbori กัน ขากลับก็ใช้เส้นทางเดิมได้เลย
ระหว่างทางเจอตู้น้ำ 50 เยน เห็นแกของถูก จัดซะหน่อย น้ำรส Peach ก็อร่อยดีเหมือนกัน
Namba
ตัดกลับมาที่ Namba เค้าบอกว่า ถ้ามาถึงโอซาก้าแล้ว 2 สิ่งที่ต้องกินคือ Okonomiyaki กับ Takoyaki วันก่อนเรากิน Okonomiyaki ที่เกียวโตไปแล้ว วันนี้ถึงคิว Takoyaki บ้าง มาดูว่ารสชาติต้นกำเนิด Takoyaki เป็นยังไง ร้านที่เราเลือกกินอยู่ Namba ใกล้ ๆ ร้าน Bic Camera เดินจากสถานีไม่ไกล แต่ชื่อร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นอ่านไม่ออก ดูจากแผนที่เอาละกันนะ
(ดูตำแหน่งร้านผ่าน Google Map คลิกที่นี่)
คิวมีพอสมควร แต่คนขายก็ทำเร็วมาก ด้านบนของร้านมีที่นั่งให้ด้วย (แต่แคบสุด ๆ)
ราคาเริ่มที่ 8 ลูก 450 เยน ถือว่าไม่แพงเท่าไหร่
น่ากินปะ รสชาติถือว่าใช้ได้ แต่ด้วยความที่มันเพิ่งขึ้นจากเตา ทำให้ร้อน และ มันเละ ๆ คีบไม่ขึ้น
กินเสร็จเราก็เดินช๊อปปิ้งกันไปเรื่อย ๆ พอได้เวลามื้อเย็น เราสองคนตั้งใจจะกิน Yakiniku สักมื้อ แต่ร้านที่ตั้งใจไปดันโต๊ะเต็ม ทีนี้งานเข้าเลย เพราะอยากกินปิ้งย่าง แต่ทำการบ้านมาร้านเดียว สุดท้ายเดินไปเดินมาเจอร้าน Matsusakagyu Yakiniku M ซึ่งเป็นร้านปิ้งย่างเนื้อมัตสึซากะ อีกหนึ่งเนื้อวัวขั้นเทพของญี่ปุ่น ซึ่งจริง ๆ เรามีแผนจะกินร้านนี้ที่ Umada ตั้งแต่วันแรก แต่ไปไม่ทันเวลาที่จองไว้เลยยกเลิกไป พอเดินมาเจออีกสาขานึงโดยบังเอิญแบบนี้ ก็ขอเข้าไปจัดซะหน่อย
(ดูรีวิวร้าน Matsusakagyu Yakiniku M เต็ม ๆ คลิกที่นี่)
หมดไปอีกหนึ่งวันสำหรับการเที่ยวคันไซทริปนี้ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยว Universal Studio Japan กันแต่เช้า วันนี้กลับไปพักเอาแรงก่อนละกันเนอะ (แต่ถ้ารอไม่ไหวก็คลิกที่นี่เลย)