เที่ยวคันไซ ตอนที่ 8 ตะลุยเมืองพ่อมด Harry Potter ที่ Universal Studio Japan
เมื่อวานเราเดินทางกลับจากเกียวโต และ ไปเที่ยว Osaka Aquarium Kaiyukan กันไปแล้ว (คลิกที่นี่เพื่อย้อนกลับไปเที่ยวอีกครั้ง) วันนี้เป็นวันที่น้องปลารอคอยมากที่สุดวันหนึ่งของทริปนี้ ถ้าย้อนกลับไปวันที่น้องปลาบอกให้จองตั๋วไปเกาหลีใต้ แต่ผมจองตั๋วมา Osaka แทนเพราะราคามันเท่ากันนั้น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมรอดมาได้ถึงวันนี้ก็เพราะบอกว่า “ที่ Osaka มี Universal Studio Japan นะ” 5555 ซึ่งถ้าใครติดตามเรามาสักพักหนึ่งจะรู้ว่า น้องปลาเป็นคนชอบเที่ยวสวนสนุก หรือ Them Park มาก คราวที่แล้วที่มาญี่ปุ่น เราวางแผนเที่ยวสวนสนุกถึง 2 วัน ทั้ง Disney Sea และ Fuji Q Highland และแน่นอนว่าทริปนี้เราวางแผนเที่ยว USJ เต็มวันเลยเช่นกัน
สำหรับคนที่ชอบเที่ยวสวนสนุกเหมือนกัน ผมขอเสนอการวางแผนเล่นเครื่องเล่นให้ได้เยอะที่สุด นั่นคือ พยายามไปเที่ยววันธรรมดา (ควรดูปฏิทินวันหยุดของญี่ปุ่นด้วย รอบที่แล้วผมไป Disney Sea วันจันทร์ แต่มันดันเป็นวันหยุดชมเชยของญี่ปุ่นเค้า) จริงอยู่ที่วันธรรมดาสวนสนุกอาจจะเปิดช้าและปิดเร็วกว่า (ตรวจสอบเวลาเปิดปิดในแต่ละวันได้ที่นี่) สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนญี่ปุ่นชอบเที่ยวสวนสนุกมาก (โดยเฉพาะสาว ๆ) ทำให้วันหยุดปริมาณคนจะมหาศาล ต่อคิวเล่นเครื่องเล่นนึงอาจจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ยิ่งเครื่องเล่นฮิต ๆ อย่าง Harry Potter and the Forbidden Journey ต้องรอกันถึง 4 – 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
นอกจากควรไปเที่ยววันธรรมดาแล้ว อีกสิ่งที่แนะนำสำหรับการเที่ยว Universal Studio Japan อย่างมีความสุขที่สุดคือ “ใช้เงินซื้อเวลา” ครับ เพราะถึงแม้เราจะไปวันธรรมดาแล้วก็ตาม Harry Potter ก็ยังคงต้องรับบัตรคิวในการเข้า Zone นี้ และ ต้องต่อคิวประมาณ 3 ชั่วโมงอยู่ดี ดังนั้นการซื้อ Universal Express Pass (คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด) ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะแค่ซื้อเวลาคืนมา 3 ชั่วโมงนี่เอาไปเล่นเครื่องเล่นอื่น ๆ ได้อีกเยอะเลย ยิ่งตอนนี้มีเครื่องเล่นใหม่ The Flying Dinosaur แล้ว ใครซื้อ Express Pass 7 นี่ประหยัดเวลาได้ 5 – 6 ชั่วโมงเลยนะ ส่วนการซื้อนั้นสามารถซื้อล่วงหน้าผ่าน Agency ในเมืองไทยที่มีมากมาย (ดูรายชื่อได้ที่นี่เลย) หรือจะไปซื้อที่ USJ ในวันที่เราไปก็ได้ แต่ผมว่าซื้อล่วงหน้าไปดีที่สุด เพราะ Universal Express Pass นั้นมีขายจำกัดในแต่ละวัน ถ้าไปถึงที่แล้วหมดจะเศร้าใจกัน แต่ความเสี่ยงของการซื้อล่วงหน้าคือ เราต้องระบุวันไปเที่ยว USJ ที่แน่นอน รวมถึงระบุเวลาเข้า Zone Harry Potter ที่แน่นอนด้วย เนื่องจากราคาแต่ละวันไม่เท่ากันนั่นเอง
วันที่เราสองคนไป USJ นั้นสวนสนุกเปิด 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม เรากะว่าจะไปถึงประมาณ 9.30 น. ก่อนเวลาซักเล็กน้อย โดยออกจาก Osaka Hana Hostel ตั้งแต่ 8 โมง เดินไปหาอาหารเช้ากินที่ Namba มื้อนี้เราไม่ได้วางแผนไว้ กะว่ากินอะไรง่าย ๆ ระหว่างทางเจอร้าน Caffe Clever ที่สถานี Namba เลยเข้าไปกินซะเลย
อาหารเช้าที่นี่มี Waffle, Pasta และ ข้าวหน้าไข่ ราคาก็อยู่ในระดับปานกลาง ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีแบ่งโซนสูบบุหรี่ไว้ แต่ร้านไม่ใหญ่ นั่งตรงไหนก็ได้กลิ่นบุหรี่ไม่ต่างกัน
ผมสั่ง Waffle Pizza + ชาร้อน 570 เยน ส่วนน้องปลาสั่ง Waffle Sand + กาแฟร้อน 800 เยน
หน้าตาดูดีมากเลย แต่รสชาติเฉย ๆ มากเช่นกัน 55555
กินกันอิ่มแล้วไปต่อเลยดีกว่า การเดินทางไป Universal Studio Japan จาก Shinsaibashi นั้น เราเดินไปขึ้นรถไฟสาย Hanshi-Namba line ที่สถานี Osaka-Namba นั่งไป 4 สถานี ลงที่สถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนขบวนไปขึ้นสาย Sakurajima line อีก 2 สถานี ลงที่สถานี Universal City Station แล้วเดินตามฝูงชนไปเลย
(ดูตำแหน่ง USJ ด้วย Google Map คลิกที่นี่)
มีอีกกรณีนึงที่หลายคนเชื่อว่าจะทำให้คนญี่ปุ่นมาเที่ยวสวนสนุกน้อยลง นั่นคือ ฝนตก วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฝนตกเบา ๆ ตลอดช่วงเช้า แต่เนื่องจากพยากรณ์อากาศที่นี่แม่นมาก ทำให้คนรู้ว่า มันจะตกนิดเดียวเลยไม่มีผลต่อจำนวนคนในวันนี้ แต่มีผลกับท้องฟ้าหาสีฟ้าไม่เจอเลยทีเดียว ถ่ายรูปไม่งามเลย T T
ตั๋วเข้า Universal Studio เราก็ซื้อล่วงหน้าจากเมืองไทยเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องต่อคิวซื้อหน้าสวนสนุก แต่คนส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีเดียวกันหมดไม่ค่อยมีคนมาซื้อตรงนี้เท่าไหร่
คนซื้อตั๋วหน้า USJ น้อยขนาดไม่ต้องเปิดตู้ขายครบทุกตู้เลย
ประตูนี้ไม่ได้มีไว้ให้คนเข้านะครับ คนเข้าด้านข้าง
ขนาดเรามาถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ยังมีคิวรอเข้าขนาดนี้
มีเทคนิคอีกอย่างนึงคือ อย่ายืนเข้าคิวแถวริมสุด เพราะแถวมันบาน กลายเป็น 2 – 3 แถว พอเดินไปใกล้ ๆ ทางเข้าแถวริมจะกลายเป็นคอขวด ทำให้ช้าเข้าไปอีก ทำไมผมรู้หนะหรือ ก็เพราะผมอยู่แถวริมอะดิ 55555
กว่าจะเข้ามาได้ก็ 10 โมงครึ่งแล้ว มาดูแผนที่ก่อน ผมซื้อบัตร Express Pass 5 มา และ กำหนดเวลา Harry Potter ตอนเที่ยงตรง เพราะตั้งใจเข้าไปกินข้าวเที่ยงในนั้นเลย เราเลยมีเวลาเล่นเครื่องเล่นสักชิ้น 2 ชิ้นก่อนถึงเวลา
โดยปกติแล้วถ้ามา Universal Studio รอบเดียว ไม่มีทางเล่นเครื่องเล่นได้ครบทุกอย่าง ต้องเลือกตัวที่น่าสนใจก่อน หรือ ไม่ก็เล่นอันที่คนน้อยก่อน เริ่มจาก The Amazing Adventures of Spiderman อันนี้เป็นเครื่องเล่น 4D ตัวแรก ๆ ของ Universal Studio ข้างในเราจะอยู่บนรถและเข้าไปอยู่ในหนัง ตัวนี้เล่นแล้วเฉย ๆ เนื่องจากผมกับน้องปลาเคยเล่น Tranformer ที่ Universal Studio Singapore มาแล้ว (เห็นมั้ย ไปไหนก็ต้องไปส่วนสนุก 555) ซึ่งโดยส่วนตัวผม ผมชอบ Tranformer มากกว่า
Backdraft เป็นโชว์ที่สร้างจากหนัง จำลองเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ต่าง ๆ สเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์มาเต็ม ดูเพลินดีครับ
มาถึงลานแสดง Minion จะมีรอบแสดงเป็นระยะ ๆ เด็กชอบกันมาก
นอกจากนั้นตรงนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านซาลาเปา ร้านข้าวโพดคั่ว ที่เป็น Theme Minion หมดทุกอย่าง ละลายเงินในกระเป๋ากันสนุกเลยทีเดียว
ซาลาเปาน่ารักดีเนอะ ข้างในเป็นไส้หมูแดงนะครับ
ข้าวโพดคั่วแสนแพง กระป๋องนึง 2480 เยน ถ้าอยากได้ Theme Christmas 3000 เยน แต่แพงขนาดนี้นักท่องเที่ยวจีนเค้าซื้อกันที 2 – 3 กระป๋องเลยทีเดียว
ในสวนสนุกจะมีตารางบอกเวลารอโดยประมาณของเครื่องเล่นต่าง ๆ ให้เราวางแผนกันได้ จากรูปจะเห็นว่า Harry Potter and the Forbidden Journey ต้องรอ 180 นาที หรือ 3 ชั่วโมงไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาเข้า Zone The Wizarding World of Harry Potter พอดี เราไปกันเลยดีกว่า
หน้าทางเข้า Zone จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรเข้า Zone กรณีที่เรามี Express Pass ที่ระบุเวลาก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเข้าได้เลย ระหว่างทางเดินก็จะเจอฉากต่าง ๆ ในหนังช่วยสร้างบรรยากาศ รวมไปถึงเพลง Theme ของหนังก็มีตลอดทางด้วยเช่นกัน
มาถึงทางเข้า Hogsmeade แล้ว คนเพียบเลย
เข้ามาก็เจอสถานีรถไฟ Hogsmeade ก่อนเลย เก็บรายละเอียดได้ดีมาก
บรรยากาศเหมือนเข้ามาอยู่ในโลกของพ่อมด Harry จริง ๆ อีกจุดหนึ่งที่ห้ามพลาดเวลามาคือ ห้องน้ำชาย จะมีเสียงเมอร์เทิล ผีที่อยู่ในห้องน้ำพูดอยู่ตลอดเวลาได้อารมณ์ดีแท้
มาถึง Hogwarts แล้ว ที่นี่ใช้สำหรับเข้าไปเล่นเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey แต่มีแถวพิเศษสำหรับคนที่ไม่อยากรอเล่น แต่อยากเดินชมสถานที่เก็บบรรยากาศอย่างเดียวก็สามารถทำได้
เราสองคนใช้ Universal Express Pass สามารถเดินเข้าแถว Express เอา QR Code ให้พนักงาน Scan ก็สามารถเดินเข้าไปห้องเก็บสัมภาระได้เลย เครื่องเล่นนี้จำลองสถานการณ์ ว่าเราขี่ไม้กวาด ผจญภัยร่วมกันกับ Harry และ เพื่อน ๆ ในฉากมีทั้งมังกร และ ผู้เสพความตาย วิธีเล่นเหมือน ๆ กับ Spiderman และ Tranformer แหละ แต่มันเร็วกว่าหลายคนอาจจะเวียนหัวให้ โดยส่วนตัวผมว่าสนุกกว่า Tranformer นิดนึง
ใน Zone นี้ยังมีเครื่องเล่นอีกตัวคือ Flight of the Hippogriff เป็นรถไฟเหาะ
เล่นเสร็จแล้วได้เวลากินข้าว ก่อนไปซื้อ Butter Beer กินซะหน่อย Butter Beer เย็น มี 2 ราคาแบบแก้วใช้แล้วทิ้ง 600 เยน ถ้าเป็นแก้วพลาสติกแบบเก็บเป็นที่ระลึกได้ราคา 1100 เยน ส่วน Butter Beer ร้อนราคาจะแพงกว่าอีก 100 เยน ไหน ๆ ก็ซื้อแล้วเอาแก้วมันด้วยละกัน รสชาติน้ำเป็นน้ำวนิลา เหมือนกินไอติมวนิลาตอนละลายแล้ว ชอบไม่ชอบมาถึงแล้วก็ต้องลองทุกคนแหละครับ
มาถึงร้านอาหาร Three Broomsticks ไม้กวาด 3 อันแล้ว บรรยากาศด้านในสวยงาม มีที่นั่ง Outdoor ริมทะเลสาบเห็น Hogwarts ด้วย แต่วันนี้คนไม่ค่อยนั่งข้างนอก เพราะมันหนาว
เราต้องเข้าแถวซื้อก่อน แล้วค่อยเดินหาที่นั่ง ระหว่างทางเดินไป Counter จะมี Mockup อาหารเมนูต่าง ๆ ให้เราดูทำได้ดีทีเดียว (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา แฮะ ๆ) เมนูมีให้เลือก 7 รายการ แพง ๆ ทั้งนั้น
ผมสั่ง Rotisserie Smoked Chicken Platter ราคา 1900 เยน เป็นไก่รมควันครึ่งตัว มีเครื่องเคียงเป็นข้าวโพด 1 ฝักกับมันหั่นเป็นชิ้น ๆ รสชาติอย่าให้พูดถึงกินบรรยากาศไปดีแล้ว (จริง ๆ มันก็พอกินได้ แต่เทียบกับราคาแล้วเจ็บอยู่)
ถ่ายรูปกับ Hogwarts ซะหน่อย
กินเสร็จแล้วเราก็เดินเล่นซื้อของใน Zone นี้กัน
ดูแล้วยังสงสัยว่า ไม้มันลอยได้ยังไง
ข้างในมีร้านขายของที่ระลึกหลายร้านเลย บางร้านก็ขายเหมือน ๆ กัน พวกแก้ว พวกกุญแจ เสื้อคลุม และอื่น ๆ แต่จะมีร้านขาย Wand กับ ขนมต่าง ๆ ที่มีร้านเดียว
เดินจนพอใจแล้วก็ออกจาก Zone นี้ได้ ออกไปแล้วกลับเข้ามาไม่ได้แล้วนะครับ ดังนั้นต้องเดินจนพอใจก่อน ส่วนของที่ระลึกข้างนอกมีขายอยู่แต่ไม่รู้ครบทุกอย่างไหม แต่ Wand มีขายข้างนอกแน่ ๆ
มาดูโชว์ต่อไป มาจากหนังเรื่อง JAWS เราจะนั่งเรื่อเข้าไปอยู่ในฉากนึงในหนัง มีฉลามโผล่มาเป็นระยะ ซ้ายบ้างขวาบ้าง ไล่ไปเรื่อยจนถึงฉากจบตามในหนังเลย
ส่วนต่อไปคือ Jurassic Park ตอนไปเครื่องเล่นปิดปรับปรุงพอดี ตอนนี้เปิดให้บริการแล้วคือ The Flying Dinosaur จำลองสถานการณ์เหมือนเราโดยนกยักษ์จับไป น่าจะเสียวอยู่เหมือนกันนะ
ของกินเล่นในโซนนี้คือ น่องไดโนเสาร์ ไม่ได้ลองว่าอร่อยหรือเปล่า
แต่ผมชอบโรงอาหารที่นี่ (จริง ๆ ก็เหมือนที่ Universal Studio Singapore) คือเป็นอาคารสำนักงานในหนังนั่นเอง ภายในรายละเอียดสวยงามดีมาก
เดินเล่นต่อไปเรื่อย ๆ คนเยอะจริง ๆ บรรยากาศข้างในมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ แต่คนเยอะจนหาจังหวะถ่ายลำบาก ยกเว้นบริเวณบ้านริมน้ำ Zone San Francisco ตรงนี้คนน้อย สามารถมาถ่ายรูปเล่นได้สบาย
เริ่มเย็นแล้ว ตึกเริ่มเปิดไฟประดับดูสวยงาม เดินเล่นได้ไม่เบื่อเลย
มาถึงเครื่องเล่นอีกตัว Space Fantasy The Ride ตัวนี้เราสองคนชอบมาก การเล่นจะเหมือนนั่งยานท่องอวกาศ นอกจากสวยมากแล้วยังสนุกด้วย ใครมาแล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
เดินมาอีกหน่อยเจอ Shrek กับ เจ้าหญิง Fiona น่ารักดีเหมือนกัน
มีคนขายลูกโป่ง Minion ด้วย มันจะลอยอยู่บนพื้น เหมือนกับกำลังเดินอยู่ พออยู่กันเยอะ ๆ ก็ตลกดีเหมือนกัน
โรงหนัง 4D เคยดูเรื่อง Shrek ที่ USS แล้วเลยไม่ได้เข้าไปดูอีก
อากาศเริ่มเย็น เลยซื้อผ้าคลุม Minion มาใส่ซะหน่อย น่ารักดีเนอะ
ร้านข้างทาง Trolley Treats ร้านนี้ขาย Apple cinnamon น่ากินมากเลย เข้าไปต่อคิวเค้าบอกว่าหมดซะงั้น
ตรง Zone New York จะมีการแสดงโชว์ประกอบแสงสีเสียงตอน 6 โมงเย็น ตอนนี้เริ่มตกแต่งฉากกันแล้ว
ระหว่างรอเวลาดูโชว์ เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ร้าน Happiness Cafe อยู่ Zone San Fancisco ตอนเดินผ่านเห็นของหวานน่ากินดี
มาดูเมนูกัน ของคาวของหวานมีอย่างละ 4 เมนู ราคารวมเครื่องดื่มด้วย แต่ของคาวจะมีสลัดบาร์รวมอยู่ด้วย ผมสั่งของคาว 1 ชุด ของหวาน 1 ชุด เจ้าหน้าที่บอกว่ามันจะมีปัญหาเพราะเมนูของคาวมีสลัดด้วย แต่เค้าก็ยอมขายพร้อมบอกว่า กินสลัดได้คนเดียวนะ
หลังสั่งเสร็จก็เข้ามาหาโต๊ะนั่ง พอมาถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกว่า ทำไมมันแดงขนาดนี้ หันไปหันมาก็รู้สาเหตุละ ที่มันแดงเพราะมันเป็นร้านของโค้กนั่นเอง
ที่กดน้ำมีแบบหน้าจอสัมผัสด้วยนะ เท่ห์ชะมัด กดผิดกดถูก ขอให้น้ำมันออกมาเป็นใช้ได้ 5555
สลัดบาร์มีแค่นี้ เราสองคนตัดปัญหาไม่ตักมากินเลยจะได้สบายใจ
จานแรกของคาว Rice Omelet with Curry Plate 1790 เยน ข้าวหน้าไข่แกงกระหรี่ รสชาติเฉย ๆ มาก ของในสวนสนุกนี่นอกจากแพงแล้วยังไม่ค่อยอร่อยอีกต่างหาก
ของหวาน Apple Pie with Vanilla Ice Cream 870 เยน อันนี้รสชาติพอใช้ได้
กินเสร็จเราก็มารอชมโชว์กัน ออกมาคนมารอเพียบเข้าไปด้านหน้าไม่ทันละ ที่นี่เค้าบริหารที่นั่งได้ดีพอควรเลย โดยเค้าให้สิทธิพิเศษกับเด็ก ๆ โดยกันที่นั่งด้านหน้าไว้ให้เลย งานนี้ใครพาเด็ก ๆ ไปด้วยสบายเลย
โชว์เป็นการแสดง ร้องเพลง + เต้น ประกอบ 3D Mapping ฉายภาพลงบนฉากและตึกด้านหลัง ก็ดูสวยงามดี แต่ผมชอบโชว์ของ Disney Sea มากกว่า
บนยอดตึกมีนางฟ้าโบยบินมาด้วย เปืดตัวได้เซอร์ไพรส์ดี แต่แอบสงสารนางฟ้าเหล่านี้ เพราะลมแรงและหนาวมาก ไอ้เราอยู่ข้างล่างพร็อพแน่นยังเอาแทบไม่อยู่ ชุดนางฟ้าดูไม่กันหนาวซะด้วย สงสารนางฟ้าจับใจเลย 5555
ดูโชว์จบ คนก็ทะยอยเดินออกกัน ก่อนกลับแวะถ่ายรูปต้นคริสต์มาสอิลลูมิเนชั่น ความสูง 36 เมตร ประดับไฟทั้งหมด 374,280 ดวง ครองสถิติต้นคริสต์มาสที่ประดับไฟมากที่สุดในโลก 5 ปีติดต่อกัน งามแท้
ที่ทางออกมีบอกด้วยว่า ให้กลับมาเที่ยวใหม่นะ สำหรับคนที่กินข้าวไม่อิ่มด้านหน้า มีร้านอาหารให้เลือกเพียบเลย แต่เราสองคนเพิ่มกินมาเลยกลับไปหาอะไรกินแถวที่พักดีกว่า
เดินทางกลับมาถึง shinsaibashi ก็เดินหาของกินอยู่สักพัก สุดท้ายไปได้ซูชิลดราคาจากห้าง Daimaru มา 6 ชิ้น 810 เยนเท่านั้น ซื้อกลับมากินที่ห้องอิ่มหลับสบายกันไป
พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปคันไซแล้ว เราจะไปเดินเล่นกันที่ Den Den Town ถ่ายรูปกับหอคอยที่ Osaka Shinsekai และหาของกินกันที่ตลาด Kuromon กัน (คลิกที่นี่เพื่อไปเที่ยวต่อเลย)