เที่ยวคันไซ ตอนที่ 4 บุกปราสาท Himeji เที่ยวหมู่บ้านฝรั่ง Kitano ชมอ่าวโกเบยามค่ำคืน
เช้าวันที่ 4 อากาศสดใสอุณหภูมิวันนี้ 4 องศา (Real feel 1 องศา) เหมือนจะหนาวแต่เมื่อเราสามารถทนความหนาวของลมบนเขา Rokko ที่ไปเมื่อวานได้ (ย้อนกลับไปขึ้นเขา Rokko คลิกที่นี่) ความเย็นวันนี้ถือว่าไม่เท่าไหร่ แผนวันนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟ Shinkansen ไปบุกปราสาท Himeji ซึ่งเพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อต้นปี หลังจากปิดซ่อมไปนานหลายปี
มื้อเช้าเราสองคนวางแผนมาแล้วว่าจะไปซื้อขนมปังร้าน Comme Chinois ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Sannomiya แล้วก็ไปซื้อข้าวกล่องที่สถานี Shin-Kobe ขึ้นไปกินบนรถไฟเป็นมื้อเช้า วันนี้วันอาทิตย์รถน้อยถนนโล่งเลย
ฝาท่อของญี่ปุ่นนี่เป็นอะไรที่น่าเก็บสะสมมาก แต่ละเมืองก็มีฝาท่อเป็นรูปสถานที่สำคัญของเมืองตัวเอง ที่โกเบนี่มีหลายแบบมากสวย ๆ ทั้งนั้น
ที่นี่เราสามารถข้ามถนนใต้สะพานลอยได้อย่างถูกกฏหมายด้วยนะ
เดินมาเจอห้าง SOGO เด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คนอาจไม่เคยรู้ว่าครั้งหนึ่ง ห้าง SOGO เคยเปิดในเมืองไทยตรงแยกราชประสงค์มาแล้ว (ฟ้องอายุเลยอ่ะ เหอเหอเหอ)
ร้าน Comme Chinois อยู่ชั้นใต้ดิน ใกล้ทางลงสถานี Sannomiya-Hanadokei-Mae ถ้าเดินมาถึงตรงนี้จะมีบันไดลงด้านล่าง
(ดูตำแหน่งร้านด้วย Google Map คลิกที่นี่)
ลงมาก็เจอเลย ร้านตกแต่งสวยดี แต่ชื่อร้านอ่านยากไปหน่อยนะ 5555
มาถึงคนเพียบเลย ของเค้าน่าจะดีจริง ๆ (หรือเพราะไม่ค่อยมีร้านขายอาหารเช้าหรือเปล่าก็ไม่รู้)
มีโต๊ะสำหรับนั่งกินในร้านได้ด้วยนะ
วิธีเลือกซื้อก็เหมือนกับร้านขนมปังบ้านเรา คือคีบใส่ถาดแล้วเอาไปจ่ายที่แคชเชียร์
ชื่อขนมปังเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย อ่านไม่ออก เยอะมากด้วย ละลานตาไปหมด เลือกซื้อแทบไม่ถูกเลย แต่สุดท้ายก็ตัดใจซื้อมาลอง 2 ชิ้น ทั้งหมด 658 เยน
ซื้อเสร็จก็เดินกลับไปขึ้นรถที่สถานี Sannomiya ไปยังสถานี Shin-Kobe มาถึงตอน 8 โมงกว่าแล้ว
แวะซื้อข้าวกล่องที่สถานีก่อน ซื้อข้าวหน้าปลาไหล (มั้ง) มากล่องนึง 1000 เยน
รถไฟ Shinkansen มาแล้วพอขึ้นรอบสองแล้วไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ 555
ดูวิธีใช้ JR Kansai wide area pass สำหรับขึ้นรถ Shinkansen คลิกที่นี่
ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
จากสถานี Shin-Kobe ไปยังสถานี Himeji ใช้เวลาเดินทางประมาณ ครึ่งชั่วโมง ขึ้นปุ๊บเอาข้าวกล่องมากินเลย
กล่องเป็นรูปปราสาทฮิเมจิพอดี รสชาติข้าวกล่องพอกินได้ เหมือนเวลาซื้อในร้านสะดวกซื้อ ส่วนขนมปังชิ้นที่มี คาราเมล อร่อยมากกกก ขนมปังนุ่ม คาราเมลชุ่มฉ่ำ ส่วนอีกชิ้นที่เป็นเหมือนแซนวิช เฉยๆอ่ะ ขนมปังแอบแข็งด้วย ชิ้นนี้ไม่ผ่านล่ะ
น้ำซื้อที่สถานี Shin-kobe รสชาติเจือจางเหมือนเดิม
พอจะเข้าสถานี ก็จะเห็นตัวปราสาท มารอรับที่หน้าต่างด้านขวา
ลงจากรถไฟมาที่สถานีมี Model จำลองของปราสาทใหญ่มาก ๆ
ทางไปปราสาท Himeji เดินตามป้ายไปเลย ออกมาจากสถานีแล้วจะเห็นปราสาทเลย ยังไงก็ไม่หลง
ระหว่างทางเดิน จะพบเห็นร้านขายชุดแต่งงานอยู่หลายร้าน ชุดสวยดีเหมือนกันนะ
และเช่นเดิม ฝาท่อนกกระสาขาว สัญลักษณ์ของปราสาทฮิเมจิ ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกว่าปราสาทนกกระสาขาว
มาถึงหน้าทางเข้าแล้ว คนเยอะมากโดยเฉพาะทัวร์จีน
(ดูตำแหน่งปราสาทฮิเมจิ ด้วย Google Map คลิกที่นี่)
ปราสาท Himeji ช่วงวันที่ 1 กันยายน ถึง 26 เมษายน เปิดให้บริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น หลังจากนั้นเค้าไม่ได้เขียนไว้แฮะ แต่น่าจะเปลียนเวลา
ด้านในมีสวนสัตว์ด้วยแต่ไม่ได้เดินไปดูเลย
ที่หน้าสวนสัตว์มีแมวอยู่แถวนั้นหลายตัวเลย แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่เดินมา แถมทำหน้าเซ็ง ๆ อีกต่างหาก
สักพักถึงรู้ว่า ทำไงให้แมวเดินมาหา (เห็นแก่กินจริง ๆ )
พื้นที่ของปราสาทฮิเมจิใหญ่มาก แค่เดินจากหน้าประตูไปถึงตัวปราสาทก็น่าจะหลายร้อยเมตรอยู่
ตอนถ่ายรูปต้องถ่ายไกล ๆ ถึงจะเห็นครบ
ถ่ายรูปคู่ซะหน่อย
เดินมาด้านข้างเห็นต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีอยู่ต้นนึง แดงมาก ๆ ถือเป็นภาพใบไม้แดงภาพแรกของทริปนี้เลย
มาถึงทางเข้าด้วยปริมาณคนเข้าจำนวนมาก ทำให้ต้องรอคิวอีก 30 นาที และใช้เวลาเดินด้านในอีก 2 – 3 ชั่วโมง (จะใหญ่ไปไหน) เราสองคนไม่ได้ตั้งใจจะเข้าอยู่แล้วเลยไม่รอแล้ว กลับไปกินเนื้อวัวโกเบดีกว่า
ขากลับออกมาเจอรถ Himiji Castle Loop Bus น่ารักดี
ระหว่างทางกลับไปสถานีมีร้านขายลูกชิ้นร้านนึง อ่านชื่อไม่ออก แต่เคยเห็นในรายการ Boarding Pass เคยมากินเลยแวะไปซื้อหน่อย
(ดูตำแหน่งร้านด้วย Google Map คลิกที่นี่)
ลองชิมชิ้นที่ราคา 357 เยนดู รสชาติคล้าย ๆ ลูกชิ้นปลา นุ่มๆ ไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยดี น้องปลาชอบมากจากปกติไม่ชอบกินลูกชิ้นปลานะ อร่อยจนตั้งใจจะซื้อกลับไปฝากที่บ้าน ก็เลยถามคุณป้าคนขายไปว่า หมดอายุเมื่อไหร่อีกหลายวันกว่าเราจะกลับ
ความสำบากเกิดอีกแล้ว เมื่อคุณป้าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ สุดท้าย Google Translate ช่วยชีวิตไว้อีกแล้ว ใส่คำว่า Expire date ลงไปให้มันแปลเป็นญี่ปุ่น แล้วยื่นให้คุณป้าดู คุณป้าร้องอ้อ แล้วหยิบมาชี้ให้ดูว่าหมดอายุเมื่อไหร่
มาถึงสถานี Himeji ได้เห็น รถไฟ Shinkansen ที่ตกแต่งด้วย Theme Evangelian ด้วย แม้แต่คนญี่ปุ่นยังยืนถ่ายรูปกันเพียบเลย น่าเสียดายที่ไม่ได้ขึ้น
กลับมาที่สถานี Shin-Kobe เราข้ามทางเชื่อมไปชั้น 3 Oriental City โรงแรม ANA Crowne Plaza เพื่อกินเทปันยากิเนื้อวัวโกเบ ที่ร้าน Wakkoqu Kobe Beefsteak ร้านนี้ได้คะแนนใน Trip Advisor เป็นอันดับ 3 ของร้านอาหารทั้งหมดในโกเบ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ชมรีวิวร้าน Wakkoqu Kobe Beefsteak เต็ม ๆ คลิกที่นี่
หมู่บ้านฝรั่ง Kitano Ijinkan
อิ่มแล้วเราเดินไปเที่ยวหมู่บ้านฝรั่ง Kitano Ijinkan กันต่อเลย เดินออกมาด้านหน้า Oriental City จะเจอป้ายบอกทางไปหมู่บ้านฝรั่ง Kitano Ijinkan เลย
ระหว่างทางจะเจอทางขึ้นกระเช้า ไป Herb Garden ด้วย
ระยะทางไม่ไกลมากประมาณสัก 1 กิโล แต่ทางจะเป็นเนิน เดินเมื่อยหน่อย
เจอฝาท่ออีกแบบแล้ว
Kitano Ijinkan เป็นบริเวณที่มีบ้านสไตล์ยุโรปสร้างอยู่ มีหลายหลังกระจายกันไป เราสามารถดู Map guide เพื่อเดินไปดูบ้านตามจุดต่าง ๆ ได้เลย
(ดูตำแหน่ง Kitano Ijinkan ด้วย Google Map คลิกที่นี่)
บริเวณตรงกลางจะมีลานกว้าง ให้ทำกิจกรรม ต่าง ๆ ทั้ง จิตรกรวาดภาพ หรือเล่นกลไพ่
มีศาลเจ้าให้เดินขึ้นไปสักการะ และชมวิวเมืองโกเบได้ด้วย
ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่บรรยากาศคริตส์มาสกันแล้ว มีการตกแต่งบ้านเรือนให้ดูเข้ากับบรรยากาศด้วย
เซเว่นมี 2 ชั้นตกแต่งสไตล์ยุโรป
ร้านขายชุดแต่งงานเต็มไปหมด มีร้านนึงมีพิธีแต่งงานอยู่พอดีเลย
มาถึงแถวนี้ต้องแวะมาถ่ายรูปร้าน Starbucks ด้วยนะ
เดินดูสักพักแล้วเราก็เดินทางต่อไปที่อ่าวโกเบ (Kobe Harborland) เพื่อเก็บบรรยากาศ Kobe Tower ยามเย็น
Kobe Harborland
จากร้าน Starbucks เดินต่อไปอีกไม่นานเราก็จะกลับมาถึงสถานี Sannomiya จากนั้นเดินทางโดยรถไฟ JR ไปลงสถานี Kobe แล้วเดินต่อผ่านห้าง Promena ห้าง Umie (ห้างเยอะจริง ๆ แถวนี้) ทะลุมาถึง Mosaic เราสามารถเดินทะลุทางเชื่อมชั้น 2 ถึงกันได้หมด
(ดูตำแหน่งด้วย Google Map คลิกที่นี่)
Mosaic ตั้งอยู่ริมอ่าวโกเบ (Kobe Harborland) เป็นเหมือน Community Mall มีร้านขายของ และ ร้านอาหารมากมาย
เดินเล่นช็อปปิ้งแป๊บเดียวฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ไปถ่ายไฟกลางคืนดีกว่า
ต้องมีภาพเรายืนขวางวิวด้วย
ก่อนกลับแวะชิมพุดดิ้งโกเบ ซื้อที่นี่โชว์ Passport ได้ลด 5% ด้วยนะ
เปิดฝาถ้วยมา เทซอสคาราเมลที่อยู่ในซองราดลงไป คาราเมลหอมหวานกลิ่นน้ำตาลไหม้ อร่อยเลยล่ะ ซื้อกลับเป็นของฝากอีกแล้ว 5555
คืนนี้เรากลับมาพักที่ Osaka Hana Hostel (ดูรีวิวห้องพัก คลิกที่นี่) เพื่อเตรียมเดินทางไป เกียวโต พรุ่งนี้ ขากลับเราเดินทางด้วย Shinkansen เหมือนเดิมมาลงสถานี Shin-Osaka แล้วต่อรถไฟสาย Midosuji กลับมายัง Shinsaibashi ถนนเริ่มมีการประดับไฟแล้ว
หลังจากเช็คอินเสร็จแล้ว ก็ไปเดินหาอะไรกินที่ Dotonbori กัน
เดินมาถึงป้ายกูลิโกะ ปรากฏว่า พี่แกโดนกล่องป๊อกกี้ทับตายไปแล้ว 5555
มาถึงแล้วก็ต้องทำพิธี ทำความเคารพด้วยท่ากูลิโกะด้วย … เปลี่ยนเสื้อกันหนาวตัวใหม่ ไปสอยจากยูนิโคล่ที่นั่นแหละครับ แบบว่าเซลล์กระหน่ำเหลือแค่พันนิดๆ ซื้อของผมมาด้วยอีกตัว ไม่ซื้อคงรู้สึกผิด 555
เวลาตอนนี้ 2 ทุ่มครึ่ง ไหน ๆ มาแถวนี้แล้ว เราสองคนเลยขอจัดขาปูร้านดัง Kani Doraku ซะเลย เดินเข้าไปถามพนักงานหน้าร้านสาขาตรงป้ายกูลิโกะ พนักงานบอกว่า โต๊ะเต็ม (2 ทุ่มครึ่ง โต๊ะยังเต็ม)
เราเลยเดินต่อไปอีกสาขานึงที่อยู่ใกล้ ๆ สาขานี้มีโต๊ะเหลือเลยได้กินซะที สมใจอยากน้องปลาล่ะครับ
ดูรีวิวร้าน Kani Doraku เต็ม ๆ คลิกที่นี่
กินอิ่มแล้วกลับมานอนเอาแรงพรุ่งนี้ไปเดินดูใบไม้แดงที่เกียวโตกันครับ (คลิกที่นี่เลย)