Kani Doraku สุดยอดเมนูขาปู ความอร่อยกลางเมืองโอซาก้า

Kani Doraku สุดยอดเมนูขาปู ความอร่อยกลางเมืองโอซาก้า

ถ้าพูดถึงเมือง Osaka ป้ายกูลิโกะที่ถนน Dotonburi ก็จะลอยขึ้นมาเหมือนเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้ และบริเวณใกล้เคียงกับป้ายกูลิโกะนั้้น มีร้านขายปูชื่อดังที่มีโลโก้รูปปูขนาดใหญ่ที่ติดอยู่หน้าร้าน คนเดินผ่านไปมาบริเวณนี้จะได้กลิ่นเนื้อปูปิ้งลอยมาเตะจมูกอยู่ตลอดเวลา ชื่อของร้านนั้นก็คือ Kani Doraku นั่นเอง

ร้าน Kani Doraku ที่อยู่ตรงแยกกูลิโกะนั้นถือเป็นสาขาแรกของร้านนี้เลย แต่เฉพาะบนถนน Dotonburi มีร้าน Kani Doraku อยู่ถึง 3 สาขาเลยทีเดียว ครั้งแรกที่ผมหาข้อมูลจาก Website ของร้าน ก็รู้สึกว่าทำไมต้องมีสาขาเยอะ ๆ แถมอยู่ติดกันยิ่งกว่า เซเว่น บ้านเราอีก แต่พอมาถึงที่จริง ๆ ก็ทำให้รู้ว่า ร้านเดียวที่นั่งไม่พอให้บริการ (ขนาดนั่งได้ตั้ง 5 ชั้นยังไม่พอ) เพราะปริมาณคนที่มาเที่ยวทั้งถนน Shinsaibashi และ Dotonburi นั้นมหาศาลมาก

วันที่เราสองคนไปกินนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ เราเดินทางกลับมาจาก Kobe มาถึงหน้าร้านตอนเกือบ 3 ทุ่มแล้ว แต่คำตอบที่ได้จากพนักงานที่สาขาแรกคือ ร้านเต็มหมด และคิดว่ากว่าจะว่างคงปิดร้านพอดี ขอให้เราเดินต่อไปที่สาขาถัดไปน่าจะยังพอมีโต๊ะว่าง เราเดินต่อบนถนน Dotonburi ไปอีกประมาณ 150 เมตร ก็จะเจอร้านที่มีโลโก้รูปปูแบบเดียวกันอยู่หน้าร้าน

(ดูตำแหน่งร้านผ่าน Google Map คลิกที่นี่)

เข้ามาในร้านก็จะเจอบ่อปูเลย

สาขานี้มี 5 ชั้นเหมือนกัน สอบถามที่เคาเตอร์ด้านหน้า พนักงานขอให้รอเพราะต้องโทรขึ้นไปถามชั้นบนว่ามีที่นั่งว่างไหม สรุปว่าเราได้ที่นั่งชั้น 5 เลยทีเดียว

ขึ้นลิฟท์มาชั้น 5 จะมีพนักงานมารอรับเราไปที่โต๊ะ

อุปกรณ์สำหรับกินปู จะประกอบด้วย ตะเกียบ กับ ไม้สำหรับควักเนื้อปู โดยปลายด้านหนึ่งแบนโค้งสำหรับควักเนื้อ ปลายอีกด้านเป็นแบบแหลมสำหรับดันเนื้อให้ออกมาอีกฝั่ง ทำให้การกินปูมีความสุขขึ้นมาก 5555

สั่งน้ำกันก่อน น้ำแอปเปิ้ล กับ ชาอู่หลง ราคาแก้วละ 270 เยน
น้ำแอปเปิ้ลรสชาติเหมือนน้ำสัปปะรดเลย ส่วนชาก็อร่อยดี

อาหารมาแล้วจานแรก Crab Sushi (ซูชิเนื้อปู) 6 ชิ้น 1,749 เยน (ทำไมต้องมีเศษ 49 เยนด้วยก็ไม่รู้ จะ 50 ก็ไม่ 50 เนอะ)
ข้าวกับเนื้อปูยังไม่ค่อยติดกัน มีแอบหลุดบ้างบางชิ้น แต่รสชาตินี่อร่อยมาก หอมหวานจริง ๆ

ต่อกันด้วย Boiled King Crab (ปูทาราบะนึ่ง) 2,916 เยน (ราคาไม่มีลงด้วยเลข 0 สักเมนู)
King Carb หรือ ปูทาราบะ ก็เหมือนกับปูอาลาสก้านั่นเอง จานนี้มาแบบเนื้อแน่น ๆ ตอนแรกก็คิดว่ากินแค่ข้าวในซูชิจะอิ่มไหม แต่พอกินกันสองขาก็หนักท้องอยู่เหมือนกันนะ เนื้อปูหวาน นุ่มแน่น น้ำจิ้มที่ให้มารสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อร่อยดี แต่น้องปลาอยากได้น้ำจิ้มซีฟู้ดมากกว่า 5555

จานต่อไป King Crab fried (ปูทาระบะชุบแป้งทอด) 2,916 เยน
จานนี้ผมชอบมาก แป้งบาง ๆ ให้ความกรอบส่วนเนื้อปูนุ่ม ๆ หวาน ๆ อร่อยสุด ๆ

ปิดท้ายด้วย Snow Crab table grilled (ปูหิมะย่าง) 3,456 เยน
จานนี้ก็อร่อย เนื้อปูหวานมีกลิ่นไหม้เล็กตามแบบของการปิ้งย่าง แต่ปูหิมะเนื้อจะน้อยกว่าปูทาราบะ และเนื้อจะไม่แน่นเท่า เรียกว่ากินแล้วไม่ระคายท้องเลย 5555

มื้อนี้หมดไป 11,577 เยน เป็นมื้อใหญ่ที่สุดมื้อนึงเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะความฟินจากการกินปูนั้นเกินคำบรรยาย ไม่แปลกใจที่ร้านเต็มตลอด แต่ที่สงสัยคือกินกันขนาดนี้ ปูจะหมดประเทศญี่ปุ่นไหมนะ