เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 2/4 ตะลุย Disney Sea

เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 2/4 ตะลุย Disney Sea

วันที่ 3 ของทริป รับเช้าวันใหม่ด้วยซูชิหน้าปลาไหลที่ซื้อมาจากโอไดบะเมื่อคืนค่ะ ยังกินได้อยู่ อร่อยด้วยนะบอกเลย ดีกว่าไลน์ บฟ ของ รร เยอะ 5555

(กลับไปอ่านตอนที่ 1 เที่ยวโตเกียว โอไดบะ พร้อมวิธีการจองตั๋วรถบัสไปดูฟูจิซังที่คาวากูชิโกะ)

 

อิ่มแล้วออกเดินทางได้ค่ะ ภารกิจสำคัญของทริปนี้ “ดิสนีย์ซี” เก๊าจะมาปล่อยแก่จ้า 5555555 การเดินทางวันนี้เยอะนิดนึงนะ เพราะต้องขึ้นรถไฟ 4 ต่อเพื่อไป Tokyo Disney Sea เราออกจากโรงแรม 8 โมงตรง เพราะนัดกับภูมิไว้ที่สถานี Maihama 9 โมงตรง ใช่แล้ววค่าาา วันนี้ภูมิมาเป็นไกด์ให้อีก 1 วัน คือชั้นว่านะ ภูมิหาเรื่องไปปล่อยแก่ด้วยมากกว่าเหอะ อิอิ การเดินทางไปดิสนีย์ซี จากสถานีรถไฟชินจูกุนะคะ เราขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Maronouchi Link ค่ะ คือสถานีอยู่ติดกันกับ JR Yamanote Line แต่ทางเข้าจะถึงก่อน (อ่านป้ายไปค่ะ อ่านดีๆ นะคะ) 

ดูตามป้ายเราต้องไปลงที่ สถานี Ginza หมายเลข M16 ใช้ Platform ที่ 2

 

โชคดีมากวันนี้เป็นวันจันทร์ แถมช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยแต่คนไม่ค่อยมี เลยไม่ต้องเบียดกันบนรถไฟเหมือนที่เคยเห็น มารู้เอาก่อนวันเดินทางไม่นานค่ะว่าวันนี้เป็นวันหยุดชดเชยจากวัน Culture Day เมื่อวานนี้ แต่ก็ต้องเตรียมทำใจว่าไปถึงสวนสนุกแล้วผู้คนจะมหาศาลเนี่ย

 

มาถึงที่ Ginza ให้ออกจากขบวน แล้วเดินตามป้าย ไปขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Hibiya Line (สีเทา) ค่ะ เพื่อต่อไปยังสถานี Hatchobori ตรงนี้ไม่ต้องออกจากระบบนะคะ สามารถเดินไปต่อรถไฟได้เลยเนื่องจากเป็นของบริษัทเดียวกัน

 

ดูจากป้ายนี้ สถานี Hatchobori หมายเลข H11 ขึ้น Platform ที่ 6 ห่างจากสถานี Ginza H8 แค่ 3 สถานีเท่านั้น

 

เมื่อมาถึง Hatchobori มองหาป้าย JR Keiyo Line เพื่อต่อไปยังสถานี Maihama

 

เนื่องจากระบบรถไฟที่ตรงเวลาสุด ๆ ทำให้เจอภูมิในขบวนรถไฟไป Maihama พอดี วันนี้มีไกด์สุดสวยเพิ่มอีกหนึ่งคนคือ ว่าที่ ดร.มากิ ภรรยาของภูมิค่ะ น่ารักมั้ยล่าาาา

 

ขบวนรถไฟที่ขึ้นเป็น Rapid Train พอดีค่ะ ไม่จอดทุกสถานีทำให้เดินทางเร็วขึ้นเล็กน้อย แค่ 5 นาทีก็ถึง Maihama แล้ว

 

มาถึง Maihama แล้วค่ะ เราจะเปลี่ยนขบวนอีกครั้ง ไปขึ้น Disney Resort Line ที่ Resort Gateway Station 

Disney Resort Line เป็นรถไฟภายใน Disney Resort ซึ่งราคาก็จะแพงกว่าปกตินิดนึง โดยตั๋วเที่ยวเดียวของผู้ใหญ่อยู่ที่ 250 เยน เด็ก 130 เยน ไม่ว่าจะนั่งไปลงสถานีไหนก็จะราคานี้แหละค่ะ

 

แผนที่รถไฟที่วิ่งไปตามอาณาจักรดิสนีย์ค่ะ โดยรถไฟจะวิ่งเป็นวงกลมผ่าน 4 สถานี คือต้นทางไป Disney Land ต่อไปที่ Bayside เป็นที่ตั้งโรงแรมมากมายริมอ่าวโตเกียว จากนั้นไปที่ Disney Sea และวนกลับมา

 

รถมาแล้วค่ะ น่ารักเชียว เข้ากับธีมสุดๆ อ่ะ

 

รถไฟวิ่งผ่าน โรงแรมพอดีค่ะ สวยงามเว่อรวังอลังการมาก น่ามาพักจริงๆ แต่รู้สึกว่าจะคืนละเป็นหมื่นเหมือนกัน อดไป แหะแหะ เริ่มเห็นเด็ก ๆ แต่งตัวเป็นเจ้าหญิงเตรียมพร้อมสำหรับไปเที่ยวแล้ว น่ารักเชียว

 

มาถึง แล้ว เห็นสัญลักษณ์ปราสาท Disney Land มาแต่ไกล ตื่นเต้นๆ

 

แต่พี่ไปดิสนีย์ซี จะเลยไปอีกสถานีนึง มาถึงก็ไปซื้อตั๋วกันค่ะ ราคาตั๋วแว็บแรกที่เห็นก็รู้สึกว่าไม่ได้แพงมาก สำหรับ 6200 เยน เล่นได้ทุกอย่าง

 

เรามาถึงจุดขายตั๋วประมาณ 9 โมงคิวไม่ยาวอย่างที่คิดค่ะ ตรงจุดขายตั๋วจะมีตารางบอกคิวการแสดงไว้ แต่วันนี้มีการแสดง Broadway Music Theatre ยกเลิก ภูมิบอกว่าน่าเสียดายมาก แต่พอเดินถึงช่องขายตั๋วตกใจกว่าเดิมเพราะเพิ่งเปิดได้ชั่วโมงเดียว แต่บัตร fast pass เครื่องเล่น Toy Story Mania ซึ่งเป็นเครื่องเล่นใหม่เต็มแล้ว เครื่องเล่นนี้แม้แต่มากิที่มาแล้ว 6 – 7 ครั้งก็ยังไม่เคยได้เล่นเลยนะ

 

ได้บัตรมาแล้ว พร้อมแผนที่ ไปลุยกันค้าาาาาาาาาาา

 

ช่วงที่ไป Tokyo Disney ครบรอบ 30 ปีพอดีค่ะ เลยมีธงประดับตลอดทาง (วันนี้ฝนตกด้วย ได้แต่ภาวนาว่าจะทำให้คนน้อยลงนะ)

 

แผนที่ภายใน Disney Sea แบ่งออกเป็น Zone Theme ต่าง ๆ โดยมีเครื่องเล่นที่ออกแบบมาให้เหมาะกับ Theme นั้น ๆ

 

เข้าไปถึงดูจากเวลา มากิบอกว่าถึงเวลาโชว์ที่ทะเลสาบกลางพอดี เป็นโชว์แรกของวันค่ะ เลยให้เราอยู่ดู ส่วน ภูมิกับมากิ เอาตั๋วเราไปเก็บ Fast Pass ที่ Journey to the Center of the Earth แล้วมากิจะไปรอที่เครื่องเล่นอีกชิ้นนึง คือจะบอกว่าถ้าวันนั้นไม่ได้มากิกะภูมินี่ กะเหรี่ยงสองคนคงงงอยู่ในนั้น และคงเล่นได้ไม่เยอะแน่เลย ต้องขอบคุณสองคนนี้มากๆ เลยค่ะ

แล้วคือจะบอกว่าตอนดูโชว์งี้อิชั้นรู้สึกเหมือนฝันมากนะ เอาจริงๆ คือฝันมานานว่าอยากมาเที่ยวแบบนี้อ่ะ ถึงเพิ่งจะได้มาเอาตอนอายุปาไปปูนนี้ ก็มีความสุขนะพูดเลย อารมณ์เหมือนอาต๋อย ไตรภพเอารถเข็นมาให้ 555 “ฝันที่เป็นจริง”

คือโชว์เค้าน่ารัก แต่ก็ตระการตาด้วยแสง สี เสียงนะ ใครไปก็ไม่ควรพลาดนะจ๊ะ

 

โชว์ ๆ อยู่ภูเขาไประเบิด ตัวละครทำท่าตกใจกันใหญ่ น่ารักสุด ๆ

 

ดูโชว์เสร็จก็ได้เวลาไปผจญภัยกับเครื่องเล่นกันได้ค่ะ อ้อ ลืมบอกไป อุตส่าห์ภาวนาให้คนน้อย แต่ไม่สำเร็จผลอ่ะ เครื่องเล่นแต่ละชิ้นต่อคิวกันชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ ยืนกันขาแข็งหลังแข็งกันไป แต่ก็ทนนะ ไหนๆก็มาแล้วอ่ะ 5555

เครื่องเล่นแรกที่ไปเล่นมีชื่อว่า 20,000 Leagues Under The Sea เป็นการลงดำลงไปใต้ทะเล โดยเราจะเดินลงทางลาดไปจนถึงระดับเดียวกับน้ำเพื่อเตรียมดำน้ำลงไป ที่เห็นด้านบนที่เป็นโดมเป็นร้านขายของที่ระลึก ส่วนที่ลงบันไดมาด้านล่างเป็นร้านอาหารภายใน Theme นี้ซึ่งภายใน Disney จะมีร้านอาหารในทุก ๆ Theme อีกทั้งยังขายอาหารไม่เหมือนกันอีกด้วย

 

ทางเข้าจะมี 2 ทางคือ Fastpass Entrance สำหรับคนที่มี Fastpass ที่ระบุเวลาเล่นตรงกับเวลาปัจจุบันสามารถเข้าช่องนี้เพื่อไปถึงจุดต่อคิวเข้าเครื่องเล่นได้เลย ส่วน Standby Entrance สำหรับคนที่ต่อคิวปกติ

 

เครื่องเล่นนี้เราจะเข้าไปอยู่ในกล่องเหล็กมีหน้าต่าง 4 ด้าน นั่งได้ทีละ 8 คน มี Joystrick ให้เราบังคับไฟส่องด้านนอกทั้ง 4 ด้าน จากนั้นพาเราดำน้ำลงไปดู แสงสี และสัตว์ประหลาด แล้ววนกลับขึ้นมา ดูเหมือนเครื่องเล่นนี้จะไม่มีอะไรมาก ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที (ต่อคิวชั่วโมงครึ่ง)

แต่ที่สุดยอดก็คือพอออกมาจากกล่องเหล็ก ปรากฏว่ากล่องเหล็กไม่เปียก ไม่มีน้ำสักหยด รู้สึกอึ้งไปเลยเพราะตอนนั่งอยู่ก็เหมือนกับดำลงไปในน้ำจริง ๆ เลยค่อย ๆ ทบทวนดูถึงเข้าใจว่าเค้าทำยังไง

หลังจากเล่นจบ ก็ออกมาเดินดูบรรยากาศ ฉากต่าง ๆ เก็บรายละเอียดได้ดีมาก ดูลงทุนทุกย่างก้าวจริง ๆ นอกจากฉากแล้ว เสียงประกอบก็สุดยอด มีการฝั่งลำโพงแอบไว้รอบทิศทาง พร้อมเสียงประกอบที่สร้างบรรยากาศได้ดีตลอดเวลา

 

เหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงจะได้เวลาเล่น Journey to the Center of the Earth ด้วย Fastpass เลยตัดสินใจไปหาอะไรกิน พร้อมเก็บ Fastpass เครื่องเล่นอื่นต่อเพราะครบเวลาชั่วโมงครึ่งแล้ว

ระหว่างเดินไปหาอะไรกิน เดินผ่านเครื่องเล่นนึงดูตอนแรกนึกว่าเล่นแบบรถบั้ม แต่ดูไปดูมาเห็นมีรางอยู่ด้วยคงวิ่งไปตามรางมากกว่า แต่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาเพราะน้ำหายไป และเจ้าหน้าที่ลงมารับคนที่เล่นอยู่กลับออกไป

 

เดินไปเรื่อยๆ ธีมก็เปลี่ยนไปค่ะ

 

เดินต่อมาเจอของแปลก ๆ เข้าใจว่าน่าจะเป็นจุด Check-in สำหรับเด็กที่มีอุปกรณืสำหรับ Check-in

 

บูธขายของตามรายทาง ขายพวกของกินเล่น แต่ละบูธก็ขายไม่เหมือนกันด้วยนะ

 

ฝากท้องกับร้านอาหารในนี้นี่แหละค่ะ คือมีหลายร้านมากนะ แต่ละร้านก็มีธีมอาหารแตกต่างกันไป  เราเลือกร้านนี้ค่ะ

ตอนแรกตั้งใจจะกินพร้อมดูโชว์ไปด้วย แต่พอไปถึงปรากฏว่ามีคนต่อคิวเข้าไปดูโชว์ยาวเกิน 200 เมตร เลยตัดสินใจเข้าไปซื้อกินแบบไม่ต้องดูโชว์ก็ได้ 

 

รายการอาหารทั้งหมดของร้านนี้ค่ะ

 

เราสั่งอาหารเซ็ทนี้มาค่ะ เป็นพวกเบอร์เกอร์นั่นแหละ กินง่ายดี เซ็ทนี้แถมจานที่ระลึกมาด้วย ราคาแรงหน่อย แต่ก็ประสาอยู่ในสวนสนุกอ่ะนะ อาหารรสชาติเฉยๆ ค่ะ แต่เค้กอร่อยอยู่นะ

 

มื้อนี้จ่ายไป 2,360 เยน

 

อิ่มแล้วก็ไปเก็บ Fastpass กันค่ะ นี่คือที่เก็บ Fastpass เครื่องเล่นชื่อ StromRider ถึงตรงนี้ขออธิบายเรื่องวิธีการดูเวลาสำหรับเครื่องเล่นแต่ละตัวสักนิด

 

เวลาด้านซ้ายหมายถึง ถ้าไม่มี Fastpass เครื่องเล่นนี้จะต้องรอคิวประมาณ 70 นาที ส่วนเวลาด้านขวาหมายถึงถ้าเข้าไปรับ Fastpass ตอนนี้จะสามารถเล่นเครื่องเล่นนี้ได้ตอน 12:30 – 13:30 น. ดูจากเวลาแล้วนี่เป็นเครื่องเล่นที่น่าจะใช้เวลารอคิวน้อยที่สุดในบรรดาเครื่องเล่นที่เป็น Attraction ทั้งหมดเลยคิดว่าเดี๋ยวมาต่อคิวเอาดีกว่า 

เดินมาถึงเครื่องเล่นถัดไป Indiana Jones Adventure Temple of the Crystal Skull นี่คือจุดถ่ายภาพ ส่วนด้านหลังคือที่ที่เราจะเข้าไปเล่นสร้างได้อลังการมั่ก ๆ

เดินมาถึงจุดรับ Fastpass แล้ว 

 

ถ้าต่อคิวรอ 140 นาที รับ Fastpass จะกลับมาเล่นได้ตอน 18:25 – 19:25 น. เรียกได้ว่าถ้าช้ากว่านี้ Fastpass อาจจะหมดได้

ถึงตรงนี้ต้องขอบคุณภูมิกับมากิอีกแล้วที่ยอมไม่เล่นเครื่องเล่นนี้และเอา Fastpass มาให้เล่นแทน

มาถึงเครื่องเล่นต่อไปเรียกว่า Racing Spirits เป็นเครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาอันเดียวของที่นี่ ดูเวลาต่อคิวนาน 150 นาที แต่ Fastpass แค่บ่าย 2 เลยเก็บ Fastpass มาอีก 2 ใบ จากนี้ต้องรออีกชั่วโมงครึ่งถึงจะไปเก็บได้ใหม่

ของประกอบฉาก Racing Spirits เจ๋งดี จุดไฟบนน้ำเลย ถ่ายรูปคู่ซะหน่อย

 

เก็บ Fastpass ครบ 4 ใบแล้วก็เตรียมกลับไปเล่น Journey to the Center of the Earth

ระหว่างทางเห็นท่าเรือที่สามารถขึ้นเป็นวงกลมรอบสวนสนุกได้ โดยเดินทางได้ทีละครึ่งรอบ ระหว่างจุดนี้กับทะเลสาบที่ใช้แสดงโชว์ตรงด้านหน้า ถ้าจะกลับมาที่จุดเดิมต้องต่อคิวใหม่

 

ร้านขาย Popcorn จะมีกระจายกันอยู่ในแต่ละ Theme โดยแต่ละร้านก็มีรสชาติไม่เหมือนกัน แถมกระป๋องแต่ละร้านก็ไม่เหมือนกันด้วย ถ้าจะสะสมให้หมดคงขนกลับไม่ไหวเพราะถังใหญ่เหมือนกัน

 

เดินต่อมาเจอการแสดง Hangar Stage Show เหลือบไปดูรอบแสดงใกล้ได้เวลาแสดงรอบ 12:20 น. แล้ว เลยเข้าไปถามว่าการแสดงใช้เวลาเท่าไหร่ เพราะคิว Fastpass Journey to the Center of the Earth ต้องใช้ในช่วง 12:25 – 13:25 น. พนักงานแจ้งว่าการแสดงใช้เวลา 25 นาที เลยติดสินใจเข้าไปดูซะหน่อย

 

ถ่ายมาเฉพาะบรรยากาศก่อนการแสดง เพราะทาง Disney ห้ามบันทึกภาพ เป็นการแสดงการโหนเชือก ประกอบเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสัตว์และธรรมชาติ ใช้คนแต่งเป็นเสือ จระเข้ แมงมุม ลิง และอื่น ๆ บนเวทีก็มีทั้งฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ฝนตก บ่อน้ำ ภูเขา โดยรวมแล้วคุ้มที่ได้เข้ามาดูแบบไม่ได้ตั้งใจอย่างมาก

 

มาถึงเครื่องเล่น Journey to the Center of the Earth แล้ว (เถลไถลไปนานเลย)

ที่พี่เอ๋ชอบมากเป็นพิเศษคือการตกแต่งสถานที่ของเครื่องเล่นนั้นๆค่ะ คือแต่ละชิ้นเค้าจะมีธีมของเค้าเอง เค้าตกแต่งทุกสิ่งอย่างเข้ากะธีมเลย ระหว่างทางเดินที่เรายืนต่อคิว เราก็จะได้ดู ได้ดื่มบรรยากาศไปด้วย คือลงทุนดีนะ ไม่งั้นคงแค่ยืนต่อแถวตามรั้วกั้นธรรมดา ๆ

พอมาถึงลิฟท์ภูมิบอกว่า ในลิฟท์จะเขียนว่าลิฟท์ลงไปใจกลางโลก แต่คิดว่าในความเป็นจริงน่าจะเป็นลิฟท์ขึ้นมากกว่า เพราะตอนเล่นจะมีแต่วิ่งลงพอเล่นจบก็ออกมาที่ทางเข้าพอดี

โดยปกติเวลาลิฟท์เลือนขึ้นหรือลง ถ้าเราอยู่ในลิฟท์จะพอรู้สึกได้ว่ามันขึ้นหรือลง แต่ในลิฟท์นี้แยกไม่ออกจริง ๆ เจ๋งมาก

เครื่องเล่นนี้เราจะนั่งอยู่ในรถจิ๊บที่วิ่งไปในที่ต่าง ๆ มีแสงสีและสัตว์ประหลาดยักษ์ให้ตื่นเต้นตลอดทางจนมาถึงช่วงสุดท้ายจะเป็นทางลาดลงให้ใจหาย พร้อมทั้งตัวรถจะออกมาช่องภูเขาไฟให้เห็นโลกภายนอกเหมือนเราออกมาอีกโลกนึงตามในหนัง จากนั้นก็กลับเข้าจอดใช้เวลา 5 นาทีอีกแล้ว

 

จะบอกว่าตั้งแต่เดินเข้าดิสนีย์ซีมาเนี่ยนะ เจอผู้คนแต่งตัวเข้ากับบรรยากาศเยอะมาก บางคนก็มีหมวกหัวมิกกี้ไรงี้ น่ารักมากเลย ปลาเลยอยากทำตัวกลมกลืนบ้าง ชวนพี่เอ๋ไปร้านขายของที่ระลึกค่ะ

 

 

แล้วก็ได้หมวกนี่กลับมาใบนึง น่ารักป่ะ อิอิ ใบนี้ตกประมาณ 800บาท ได้ค่ะ เหมือนจะแพงนะ แต่ของเค้าดูดีมากอ่ะ เลยยอมจ่ายไป

 

ซื้อของเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปรอเวลาเล่นเครื่องเล่นถัดไปตอนบ่าย 2 และรอเวลาเก็บ Fastpass ที่ใหม่ เราเดินมาถึง Theme Fortress

เข้ามาดูในด้านใน ห้องนี้เป็นห้องระบบสุริยะ เราสามารถบังคับดาวเคราะห์ต่าง ๆ ให้หมุนรอบดวงอาทิตย์ได้ เราว่าเค้าทำได้สวยดีนะ

ห้องต่อไปเป็นเหมือนสนามรบกลางน้ำ มีเรือและคันบังคับอยู่ บนเพดานมีเมฆฝนที่ตกได้จริง ๆ

ลองไปโยก ๆ ดูเรือไม่ขยับ ถามเจ้าหน้าที่ดู เค้าบอกว่าหยอด 100 เยน แล้วจะขยับได้ มองลงไปข้างล่างคันโยกแล้วเพิ่งเห็น 5555

พอมองออกมาข้างนอกฝนหยุด เมฆเริ่มหายไปแล้ว ได้ถ่ายรูปกับฟ้าสวย ๆ แว้ววววว

มาถึงเรือโจรสลัด มีปืนใหญ่ที่ยิงได้จริง (มีแต่เสียงกับควัน)

อุ๊ย! เจอกัปตันแจ๊ค สแปโรว์ด้วย อิอิ

 

ถึงตรงนี้ได้เวลาไปเก็บ Fastpass อีกแล้ว เลยตั้งใจไปเล่น Tower of Terror เป็นอย่างสุดท้าย ต้องเดินไปที่ Theme American Waterfront

 

ระหว่างทางเจอทางเข้าเพื่อไปนั่งเรือ Gondola แบบเวนิช ตรงนี้ไม่ได้เข้าไปเลย

 

มาถึง Theme American Waterfront แล้ว นี่คือที่แสดง Big Band Beat Broadway ที่วันนี้ไม่มีการแสดง

 

ซื้อขนมกินกันหน่อย อะไรก็ไม่รู้ เห็นคนต่อคิวซื้อกันเลยเอามั่ง 555

 

มาถึงแล้ว Tower of Terror

 

ได้กด Fastpass เองเป็นครั้งแรกเลย ทุกทีภูมิกับมากิไปกดให้ วิธีเก็บ Fastpass ก็ง่ายมากเลยค่ะ นั่นคือ นำบัตรผ่านประตูที่มี Barcode สแกนในช่อง ถ้าอยู่ในช่วงที่เก็บได้ ก็จะมี Fastpass ไหลออกมา เครื่องเล่นนี้ได้เล่นตอน 20:25 – 21:25 น. ก่อนสวนสนุกปิดพอดี

 

ตอนนี้เวลา 14:45 น. แล้ว ได้เวลาเล่น Racing Spirit  เราเดินทางกลับไปด้วยรถไฟลอยฟ้า รอคิวประมาณ 30 นาที ก็ได้ขึ้นรถแล้ว (แต่รู้สึกว่าเดินกลับไปจะเร็วกว่านะ)

Racing Spirit คือรถไฟเหาะตีลังกา เป็นเครื่องเล่นกลางแจ้งไม่กี่ชิ้นของที่นี่ ในจำนวนเครื่องเล่น Attraction ทั้งหมดตัวนี้ถือว่าสร้างความประทับใจได้น้อยสุดแล้ว

 

ถึงตอนนี้มีเวลาจนถึง 18:25 น. เพื่อเล่น Indiana Jones Adventure Temple of the Crystal Skull เราเลยไปเข้าคิวเล่น Storm Rider ใช้เวลาต่อคิวประมาณ 70 นาที

 

Storm Rider คือเครื่องเล่นแบบภาพยนตร์ 4 มิติ โดยเรารับหน้าที่เป็นอาสาสมัครขึ้นเครื่องบินไปยิง Missile ใส่พายุ เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ

ตอนแรกเราจะเข้าไปในห้องปฏิบัติการ เพื่อฟังคำอธิบาย Mission นี้โดยที่จอภาพมี Subtitle ภาษาอังกฤษด้วย

เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะนำเราเข้าไปในห้องที่เหมือนเป็นห้องโดยสารบนเครื่อง โดยมีจอภาพด้านหน้าเป็นเหมือนหน้าต่าง จากนั้นเครื่องบินก็ออกบิน

เครื่องเล่นนี้เป็นอีกตัวที่น่าประทับใจ เนื่องจากสามารถจำลองฉาก 4 มิติได้โดยที่เราไม่จำเป็นใส่แว่น เรียกได้ว่าเข้าไปสู้กับพายุออกมาตัวเปียกกันเล็กน้อย ส่วนเทคนิคเค้าทำยังไงไม่เล่าเดี๋ยวไปเล่นแล้วไม่สนุก  แต่บอกเลยว่าเจ๋งมาก

 

เล่นเสร็จไปเข้าคิวต่อที่ท่าเรือเพื่อนั่งเรือชมวิว รอคิวเรืออีกประมาณ 45 นาที พอได้ขึ้นฟ้ามืด + ฝนตกพอดี ฝนรอบนี้ตกค่อนข้างหนัก เลยตัดสินใจเข้าไปหลบฝนหาเครื่องดื่มอุ่น ๆ ที่ร้านอาหารส่วน ทะเลสาบด้านหน้า สิ่งที่น่ากังวลคือถ้าฝนยังตกแบบนี้ถึง 2 ทุ่ม โชว์รอบสุดท้ายอาจจะถูกยกเลิก ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ๆ

 

ร้านนี้อยู่ใน Theme Mediterranean Harbor เลยเป็นอาหารยุโรป เช่น Pizza Pasta

 

เราสั่งเซ็ทนี้มาค่ะ เห็นอันแท่งๆ ในถ้วยมั้ยคะ คือมันเหมือนเฟรนซ์ฟรายค่ะ แต่ทำจากสปาเก็ตตี้ ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกกก อร่อยจนต้องให้พี่เอ๋ลงไปซื้อมาอีกถ้วย 5555

 

ค่าเสียหาย 2,230 เยน

อิ่มออกมาฟ้ามืดตื๋อเลยค่ะ  เวลาตอนนี้คือ 6 โมงเศษ ๆ ฝนหยุดตกแล้ว ได้เวลาไปเล่น Indiana Jones Adventure Temple of the Crystal Skull

เครื่องเล่นนี้เราจะนั่งรถผจญภัยไปพร้อม ๆ กับ Jones โดยจะมีกับดักต่าง ๆ ตลอดทางเช่นวิ่งผ่านทางแคบที่มีธนูพุ่งออกมาจากกำแพง หินยักษ์กลิ้งใส่ ได้ความรู้สึกสนุกไปอีกแบบนึง

ของประกอบฉากตลอดทางเดินสำหรับคนรอคิว ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ดี

 

โซนนี้น่ารักมากกกกก สวยมากกกกด้วย  ดูออกใข่มั้ยว่ามาจากการ์ตูนเรื่องอะไร อิอิ ชื่อ Theme Mermaid Lagoon ค่ะ

 

เข้าสู่ภายในโลกใต้ทะเล จะไปทางลาดลงด้านล่าง มี King Triton อยู่ด้านหน้า

 

บรรยากาศใต้ทะเล จะออกไปทางมืด ๆ แต่มีแสงสีสดใสประกอบสวยมาก ๆ ถ้าเด็ก ๆ มาคงจะอินสุด ๆ น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสเล่นเครื่องเล่นที่นี่เลย แต่ดูแล้วส่วนใหญ่เป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก

 

ร้านอาหารใน Theme นี้ แน่นอนขายอาหาร Seafood

 

ปลาวาฬน่ารักมากกก กระพริบตาได้ด้วยล่ะ (เทียบจากรูปบนดูสิ)

 

ยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบ อันนี้ Theme Arabian Coast ค่ะ แวะมาถ่ายรูปนิดหน่อย เพราะใกล้ได้เวลาโชว์สุดท้ายที่ทะเลสาบด้านหน้าแล้ว

ให้สมกับเป็นโซนอินเดีย แขกๆ  แม้แต่ Popcorn ยังเป็นรสแกงกระหรี่เลย

ข้างในมีโรงหนัง 3 มิติ ด้วยแต่ไม่ได้เข้าไปดู

 

เครื่องเล่นก็ยังดูเป็นเด็ก ๆ อยู่ เช่นพรมหมุน ม้าหมุน 2 ชั้น

 

แวะมาดูอีกที่คือ Theme Toyville Trolley Park

 

เครื่องเล่น Toy Story Mania  เสียดายมากกก อันนี้ไม่ได้เล่นอ่ะ

 

ระหว่างรอเวลาเล่น  Tower of Terror เครื่องเล่นชิ้นที่ภูมิ recommend ว่าห้ามพลาด ก็ชิ้นที่เราไปกด Fastpass ไว้นั่นแหละค่ะ ก็ได้เวลาโชว์สุดท้ายออกแสดงพอดี เลยนั่งดูฆ่าเวลาไปพลางๆ ค่ะ คืออยากบอกว่าเป็นโชว์ที่เจ๋งมากๆ แสง สี เสียง สุดยอดไปเลย ชอบมากกกกกกอ่ะ บอกเลย โชว์เปิดว่าเจ๋งแล้ว โชว์ปิดนี่ยิ่งกว่า

 

จบโชว์อันนี้จริงๆ มีโชว์พลุด้วย เจ๋งไม่แพ้กันค่ะ แต่ถ่ายรูปไม่ได้ เพราะไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไป คือบอกเลยว่าพลุเค้าไม่ธรรมดา ไม่ไก่กาอาราเล่นะจ๊ะ บอกเลยว่าวันนี้พี่ได้ครบทุกรสอ่ะ ดูโชว์จบก็ได้เวลาไปเล่นชิ้นสุดท้ายแล้วค่ะ บอกเลยว่าอันนี้ที่สุดจริงๆ เจ๋งมาก 

เริ่มจากที่นี่คือโรงแรมที่เจ้าของชอบสะสมของเก่า วันนึงไปได้ตุ๊กตาโบราณมาหน้าตาเหมือนอินเดียแดง ระหว่างทางรอคิวเราจะเดินผ่านของสะสมต่าง ๆ จนมาถึงห้องทำงานของเจ้าของซึ่งมีตุ๊กตาตัวนั้นตั้งอยู่

สักพักก็มีพนักงานโรงแรมมาเล่าเรื่องราวการหายตัวไปของเจ้าของ โดยมีคนพบครั้งสุดท้ายขณะกำลังขึ้นไปชั้นสูงสุดของโรงแรม

ไม่เล่าต่อละนะ ต้องไปเล่นเอง บอกเลยด้วยว่าอันนี้ห้ามพลาด ห้ามพลาด! ห้ามพลาด! ห้ามพลาด! 5555

 

จบวันนี้ไปด้วยความสุขค่ะ ทั้งสุขทั้งสนุกเลย แลกมาด้วยความเหนื่อยและความเมื่อย แต่คุ้มสุดๆอ่ะ 

ร่ำลากับภูมิและมากิกันไปในวันนี้ด้วยเลย ขอบคุณทั้ง 2 คนอีกครั้งล่ะค่ะ ไม่ได้ 2 คนนี้คงไม่ได้เล่นเยอะขนาดนี้ เพราะเครื่องเล่นบางชิ้น มากิ กับ ภูมิ สละสิทธิ์ Fastpass ของตัวเองเอามาให้ปลากับพี่เอ๋ใช้ 

แยกย้ายกันกับภูมิที่รถไฟฟ้าเหมือนเดิมค่ะ กลับถึง รร กันไปแบบหมดสภาพแต่เต็มไปด้วยความสุขค่ะ ถึง รร เอา 4ทุ่มกว่าได้ ต้องรีบนอนค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องออกเดินทางกันค่ะ 

ถ้าอยากรู้ว่าเราเดินทางไปไหนกัน ติดตามได้ที่ ตอน 3 เลยค่ะ