เที่ยวคันไซ ตอนที่ 3 นั่งชินคันเซ็นไปเที่ยวโกเบ ชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น บนเขา Rokko

เที่ยวคันไซ ตอนที่ 3 นั่งชินคันเซ็นไปเที่ยวโกเบ ชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น บนเขา Rokko

เที่ยวโกเบ

หลังจากที่คืนก่อนนอนไม่หลับที่สนามบิน แถมเมื่อวานก็เดินในเมืองโอซาก้าไปซะเยอะเลย (ย้อนไปดูตอนที่ 2 เที่ยวโอซาก้า ชมปราสาทโอซาก้า ปีนตึก Umeda Sky Building คลิกที่นี่) เมือคืนเราเลยให้เวลากับการนอนเยอะหน่อย เพื่อวันนี้จะได้มีแรงไปขึ้นเขา Rokko ที่โกเบกัน ตื่นมาก็ 7 โมงกว่าแล้ว หลังจากอาบน้ำแต่งตัวพับที่นอนเก็บเรียบร้อย เราต้องเก็บกระเป๋าด้วยเพราะวันนี้จะเปลี่ยนไปนอนที่โกเบ 1 คืน โดยเราจะฝากกระเป๋าทั้งหมดไว้ที่ Osaka Hana Hostel แล้วแบ่งเสื้อผ้าใส่เป้ไปแทน

มื้อเช้าวันนี้เราฝากท้องกับร้าน Eggs’n Things ร้านแพนเค้กจากฮาวาย ที่มาโด่งดังในญี่ปุ่น ร้านอยู่ไม่ห่างจาก Osaka Hana Hostel เดินประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว ร้านเปิด 9 โมง เรามาถึงก่อนเวลาประมาณ 10 นาที มีคิวซะแล้ว เมนูของร้าน Eggs’n Things มีหลายอย่างให้เลือกกิน ไม่ว่าจะเป็น แพนเค้ก ออมเล็ต เครป และ อื่น ๆ อีกมากมาย

Eggs'n Things

Eggs'n Things

Eggs'n Things

ดูรีวิวร้าน Eggs’n Things เต็ม ๆ คลิกที่นี่เลยครับ

อิ่มแล้วเราไปเดินซื้อของกันหน่อย น้องปลาจะไปเดินซื้อครีมสำหรับทาผิวเพราะไม่ได้เตรียมไปจากเมืองไทยกะว่าไปซื้อเอาที่ญีปุ่นแล้วใช้เลย ถือโอกาสไปเดิน Dotonbori ไปด้วย 

Shinsaibashi

สาว ๆ ที่นี่บางคนแต่งตัวท้าลมหนาวมาก สงสัยจะชินเพราะนักเรียนก็ใส่กระโปรงสั้นแบบนี้

Shinsaibashi

เดินมาถึงป้ายกูลิโกะในตำนานแล้ว ต้องถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยใครไม่ถ่ายถือว่าผิดระเบียบ

Dotonburi

Dotonburi

บริเวณ Shinsaibashi และ Dotonburi นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านขายยา เราสามารถเลือกซื้อเครื่องสำอางค์ ขนม ของฝากจากบริเวณนี้ได้ทั้งหมด แต่ละร้านก็ราคาไม่เท่ากัน วันนี้เลยถือโอกาสเดินสำรวจราคาคร่าว ๆ ไปด้วยเลย

Dotonburi

Dotonburi

ฝาท่ออันนี้ก็สวยดีนะ

Dotonburi

ซื้อของเสร็จเดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Nipponbashi ไป Temma เพื่อต่อรถไฟ JR ไปสถานี Shin-Osaka เราจะนั่ง Shinkansen ไป Kobe กัน

Niponbashi

ระหว่างเดินทาง เราเจอตู้น้ำราคาประหยัดแถว ๆ สถานี Temma ด้วย ตู้นี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 50 เยนเท่านั้น เราซื้อน้ำลิ้นจี่โซดาขวดนี้ 30 เยน นอกจากถูกแล้ว ขวดนี้ยังอร่อยที่สุดในทริปอีกต่างหาก  แถมหาซื้อยากชะมัด เพราะหลังจากตู้นี้ก็หาไม่เจออีกเลย  เศร้าาาา

ตู้น้ำที่ Temma

มาถึงสถานี Shin-Osaka เดินตามป้าย Shinkansen ได้เลย

Shin-Osaka

ทางเข้าจะแยกต่างหากจากรถไฟปกติ แต่วิธีการใช้ Pass ทำแบบเดียวกัน คือเดินไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเดินเข้าไปได้เลย

วิธีการใช้ JR Kansai Wide Area Pass สำหรับขึ้น Shinkansen เต็ม ๆ ดูได้จากกระทู้เก่า คลิกที่นี่)

Shin-Osaka

นี่เป็นการขึ้น Shinkansen ครั้งแรกของเราสองคน เหตุผลหนึ่งที่เลือกใช้ JR Kansai Wide Area Pass ก็เพราะเป็น Pass ที่สามารถขึ้น Shinkansen ได้ ในราคาถูกที่สุด แต่นั่งได้เฉพาะตู้ Non-Reserve เท่านั้น

Shin-Osaka

Shinkansen

ที่นั่งบนรถไฟนั่งสบายกว่าเครื่องบินอีก เบาะปรับเอนได้มากกว่า ที่นั่งริมหน้าต่างมีปลั๊กสำหรับชาร์ตแบตได้ด้วย แถมเวลาวิ่งยังนิ่มมาก ๆ

Shinkansen

วิวบน Shinkansen

นั่งมาสถานีเดียวไม่เกิน 15 นาที เราก็มาถึงสถานี Shin-Kobe แล้ว ป้ายต้อนรับเป็นรูป Kobe Port ถือเป็นมุมมหาชนที่ใคร ๆ ก็ไปถ่ายรูปกัน

Shin-Kobe

สถานี Shin-Kobe เป็นสถานีไม่ใหญ่ แต่ก็มีของขายเยอะเหมือนกัน ทั้งของฝาก อาหารกล่อง ผมกับน้องปลาเดิน ๆ ดูแล้วก็น่ากินดีนะ เลยคิดว่าพรุ่งนี้เรามาซื้อมื้อเช้าที่นี่ไปกินบนรถไฟตอนไป Himeji ดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา

Shin-Kobe

ShinKobe

เวลาตอนนี้เกือบบ่ายโมงแล้ว หาอะไรกินซะหน่อย ตรงข้ามสถานี Shin-Kobe จะมีโรงแรม ANA Crowne Plaza ซึ่งสามารถเดินผ่านทางเชื่อมจากสถานีเข้าไปที่ชั้น 3 คือ Oriental City เป็นเหมือน Shopping Plaza ที่รวมร้านขายของกับร้านอาหารไว้ด้วยกัน โดยส่วนร้านอาหารตกแต่งเป็นแบบญี่ปุ่นโบราณ

ANA Crown Plaza

Oriental City

Oriental City

ผมมีทำการบ้านร้านอาหารที่นี่ไว้ เป็นร้านเทปันยากิที่คะแนนดีมาก ๆ ใน Tripadvisor ตามแผนต้องกินวันพรุ่งนี้ แต่วันนี้ได้เวลากินพอดีเราเลยตรงไปร้านนี้เลยละกัน พอไปถึงปรากฏว่าคนเต็มร้านต้องรออีกกว่าชั่วโมง นี่ขนาดบ่ายโมงแล้วคนยังเต็ม ผมเลยขอจองโต๊ะพรุ่งนี้ไว้ตอนเที่ยงครึ่งแทน

Wakkoqu

ตอนนี้งานเข้าแล้วต้องเปลียนร้านกิน เดินดูหลาย ๆ ร้านในชั้น 3 ก็ยังไม่รู้จะกินอะไรดี เลยลองเดินไปดูชั้น 2 บ้าง ที่ชั้น 2 มีร้านอาหารไม่มากนัก กระจายตัวอยู่ตามมุมต่าง ๆ แต่เราก็ไปเจอร้านชาบู ชาบู ชื่อ Shabusen ซึ่งในแผนที่เตรียมมายังไม่มีร้านชาบูใน list ก็เลยตัดสินใจเข้าไปลองเลยละกัน

Shabusen

มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่ลองกินเนื้อที่ญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่ใช่เนื้อโกเบ แต่รสชาติก็อร่อยมากแม้แต่คนไม่กินเนื้ออย่างผมยังติดใจ แต่ความลำบากของการกินร้านนี้อยู่ที่ ทั้งร้านไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้เลย แต่ยังดีที่มีเมนูภาษาอังกฤษอยู่

ชมรีวิวร้าน Shabusen เต็ม ๆ คลิกที่นี่

Shabusen

อิ่มแล้วเราข้ามกลับมาที่สถานี Shin-Kobe เพื่อนั่งรถไฟ 1 สถานีไปยังสถานี Sannomiya เอาเสื้อผ้าไปเก็บที่โรงแรมก่อน ระหว่างเดินไปโรงแรมก็ถือโอกาสชมเมืองเค้าไปด้วย โกเบเป็นเมืองน่ารัก มีฉากหลังเป็นภูเขา บ้านในเมืองได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งยุโรป แต่ก็มีวัฒนธรรมญี่ปุ่นแทรกอยู่ในนั้นด้วย

เที่ยวโกเบ

Sannomiya

Sannomiya

ระหว่างทางเดินไปโรงแรม Monterey Kobe เจอตู้กดน้ำน่าสนใจ เลยกดมาลองซะหน่อย เป็นชาผสมส้มมะนาว รสชาติได้มาตรฐานน้ำที่ญี่ปุ่น คือรสชาติเจือจาง เหมือนน้ำล้างแก้ว 5555

ตุ้น้ำที่ Sannomiya

เดินจากสถานีไม่นานก็มาถึง Hotel Monterey Kobe แล้ว โรงแรมออกแบบสไตล์ยุโรปดูโบราณหน่อย แต่ก็สวยดี

Monterey Kobe

Hotel Monterey Kobe

ช่วงนี้มี Bridal Fair ด้วย  

Hotel Monterey Kobe

ด้านในของโรงแรมสวยงามดูดีมีชาติตระกูลมาก ผมจองที่นี่เพราะสวนตรงนี้เลย พอไปถึงก็สวยจริง ๆ แต่มีเท่าที่เห็นนี่แหละ

Hotel Monterey Kobe

เดินไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว มีคนเดินมายืนเต็มเลย มีบ่าวสาวยืนอยู่ชั้นสองสงสัยจะโยนดอกไม้

Monterey Kobe

ที่ Lobby มีทางเชื่อมต่อลงชั้นล่างซึ่งเป็นโบสถ์เล็ก ๆ เดินไปดูมีบ่าวสาวอีกคู่นึงกำลังถ่ายรูปกันอยู่ บรรยากาศช่างมีความสุขจริง ๆ

Monterey Kobe

รีวิว Hotel Monterey Kobe ดูได้จากกระทู้ เที่ยวคันไซ ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว จองที่พัก แลัวออกเดินทาง คลิกที่นี่

เดินทางขึ้นเขา Rokko

หลังจากฝากของเสร็จเราเดินกลับมาที่สถานี JR Sannomiya เพื่อไปขึ้นเขา Rokko กัน ระหว่างทางไปเดินผ่านร้าน Steak Land ร้านโปรดของคนไทย ซึ่งราคาไม่สูงและอยู่ใกล้สถานี แต่รอบนี้เราไม่ได้กินร้านนี้นะครับ

Sannomiya

จาก JR Sannomiya เราจะเดินทางไป สถานี JR Rokkomichi เพื่อต่อรถเมล์สาย 16 ไปขึ้นรถรางที่สถานี Rokko Cable Shita อีกต่อนึง

Sannomiya

Sannomiya

ป้ายรถเมล์ จะอยู่หน้าสถานี Rokkomichi เลย ตรงนี้เป็นป้ายรถเมล์หลายสาย ต้องไปรอให้ถูกจุดสังเกตเลขสายที่เราต้องขึ้นไว้ เราต้องขึ้นสาย 16 ก็ไปรอป้ายที่มีเลข 16 รถที่นี่ขึ้นที่ประตูหลัง ลงประตูหน้า จ่ายเงินตอนลงโดยหยอดใส่เครื่องข้างคนขับนะครับ

Rokkomichi

Rokkomichi

ค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ 210 เยน เด็ก 110 เยน เรานั่งสุดสายเลย ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีกว่า ๆ

Rokkomichi

มาถึงสถานี Rokko Cable Shita ต้องไปซื้อตั๋ว Cable Car ต่อ ราคาตั๋วผู้ใหญ่ 590 เยนต่อเที่ยว ซื้อไปกลับ 1000 เยน ขึ้นไปถึงจะมีรถเมล์บริการอีกที คิดค่าโดยสารตามระยะทางตั้งแต่ 160 ถึง 260 เยน

(ดูตำแหน่งสถานี Rokko Cale Shita ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

Rokko Cable

Rokko Cable

Rokko Cable

ซื้อตั๋วเสร็จรถรางมาพอดี รถแบ่งเป็น 2 ตู้ ตู้มีกระจก กับตู้เปิดโล่ง คนลงมาจากรถไม่มีใครนั่งตรงส่วนเปิดโล่งเลย สงสัยข้างบนจะหนาวแฮะ

Rokko Cable

ขาขึ้นเรายังไม่รู้สึกหนาวเท่าไหร่เลยไปนั่งตู้เปิดโล่งรับลมกันหน่อย แต่ไม่ค่อยได้ลมเท่าไหร่เพราะเรานั่งหันหลังให้หน้ารถ ระหว่างทางขึ้นไม่ค่อยมีอะไรให้ดูนัก มีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็นบ้างเล็กน้อย ใช้เวลาขึ้นมาประมาณ 10 นาที ถือว่าสูงทีเดียว

Rokko Cable

Rokko Cable

ตอนขึ้นมาถึงสถานี Rokko Sanjo นี่ 4 โมงเย็นไปแล้ว ภาพเมืองโกเบจากมุมสูงตรงหน้านี่ทำเอาอึ้งไปเลยทีเดียว จริง ๆ ตรงนี้ก็สวยแล้วแต่ยังมองไม่เห็นแบบพาโนรามา

Rokko Mt

ชมวิวหมื่นล้านที่ Rokko Garden Terrace

เราต้องนั่งรถต่อไป Rokko Garden Terrace เพื่อไปชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่จุดชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า The Million Dollar Night View (อีก 2 แห่งอยู่ที่เขา Inasa ที่ Nagasaki กับ เขา Hakodate ที่ Hokkaido) นั่งเกือบสุดสายราคา 260 เยนต่อคน จริง ๆ แล้วบนเขา Rokko ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สวนพฤกษศาสตร์ Rokko Alpine Botanical Garden แต่ที่นี่เปิดให้เข้าชมถึงแค่ 23 พฤศจิกายน อีกที่นึงคือ Rokko Snow Park อันนี้เปิดให้บริการช่วงเดือนธันวาคม ส่วนพิพิธภัณฑ์หีบเพลง Rokko International Musical Box Museum เราสองคนเคยไป Music Forest ที่ Kawaguchiko แล้ว เลยไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ ถ้าใครสนใจที่เที่ยวบนเขา Rokko สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยครับ

Rokko Bus

มาถึงสี่โมงครึ่งพอดี มีเวลาประมาณ 20 นาทีก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ที่ Rokko Garden Terrace มีแผนที่แสดงตำแหน่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจ แต่อ่านไม่ออกเลยญี่ปุ่นล้วน ๆ

(ดูตำแหน่าง Rokko Garden Terrace ด้วย Google Map คลิกที่นี่)

Garden Terrace

เดินเข้ามาเห็นหอชมวิวเราก็เดินขึ้นไปก่อนเลย ขอบอกเลยว่าข้างบนนี้โคตรรหนาว แถมลมแรงมากกกกกกกกกก ตัวจะปลิว มีอุปกรณ์กันหนาวเท่าไหร่ขุดเอามาใส่ให้หมด 5555

Garden Terrace

ขึ้นมาเห็นวิวแล้วต้องบอกว่า งดงามจริง ๆ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน มุมแรก มุมพระอาทิตย์ตก ฉากหน้าเป็น Garden Terrace

Garden Terrace

หันไปอีกด้านมี Rokko-Shidare Observatory เป็นจุดชมวิวอีกจุดนึง ซึ่งผมไม่ได้เดินไปเพราะเกรงว่าจะไม่ทันพระอาทิตย์

Garden Terrace

อีกด้านคือ The Million Dollar Night View เดี๋ยวรอเมืองเปิดไฟจะเห็นเหมือนเป็น อัญมณี ระยิบระยับ

The Million Dollar Night View

ถ่ายรูปคู่ซะหน่อย

Garden Terrace

วันนี้ถือเป็นอีกวันที่โชคดีได้ฟ้าสวย ๆ ตอนพระอาทิตย์ตก

Garden Terrace

ยืนอยู่สักพักเริ่มไม่ไหว ขอลงมาหาอะไรร้อน ๆ กินซะหน่อย ที่ Garden Terrace มี Cafe ชื่อ Granite Cafe ขายขนมปังกับเครื่องดื่ม

Garden Terrace

Granite Cafe

Granite Cafe

สั่งชาร้อนมากินแก้หนาวหน่อย แก้วละ 300 เยน

Granite Cafe

ถ่ายคู่อีกสักทีระหว่างรอเมืองเปิดไฟ

Garden Terrace

เริ่มมืดแล้ว ที่ Garden Terrace ก็เปิดไฟด้วย สวยและโรแมนติกดีจัง

Garden Terrace

ภาพ The Million Dollar Night View นี่ถือเป็นภาพที่ถ่ายยาก เพราะลมแรงมาก ถ่ายมาแล้วภาพสั่นตลอด ผมถ่ายพาโนรามามาเก็บไว้มุมละ 4 – 5 ภาพ สุดท้ายก็ยังมีบางจุดที่ไม่ชัดสักภาพ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ดื่มดำกับภาพที่เห็นด้วยตาอยู่หลายนาทีทีเดียว

The Million Dollar Night View

The Million Dollar Night View

The Million Dollar Night View

ถ่ายวิวจนพอใจแล้ว (ผมหนาวจนมือหมดความรู้สึกแล้ว ส่วนน้องปลาบอกมันเลยจุดที่ไร้ความรู้สึกมาสู่ปวดระบมมือไปหมด เหอเหอเหอ) ก็ลงมาถ่ายข้างล่างบ้าง

Garden Terrace

ระหว่างที่ผมถ่ายอยู่ด้านนอก น้องปลาทนไม่ไหวกับความหนาวเลยหนีเข้ามาเดินในร้านขายของที่ระลึกแทน ในนี้มี Heater อุ่นสบายเลย  ผมว่านะ บนเขาตอนนั้นน่าจะเกือบ ๆ 0องศาเลยมั้ง

Garden Terrace

Garden Terrace

พอหายหนาวแล้วเราก็ออกมารอรถเพื่อกลับไปยังสถานี Rokko Sanjo

Rokko

แน่นอนขากลับขอนั่งตู้มีกระจกดีกว่า มันหนาว

Rokko

ลงมาแล้วก็รอรถสาย 16 ที่เดิมเพื่อกลับมายังสถานี Rokkomichi ที่ป้ายรถมีร้าน Usukawa Taiyaki เลยซื้อไส้ถั่วแดง 130 เยน มากินรองท้องก่อน รสชาติแป้งเหมือนวาฟเฟิล ไม่เหมือนกับ Croissant Taiyaki บ้านเราที่รสชาติแป้งเหมือนโรตี

Taiyaki

Taiyaki

กินเสร็จแล้วเราขึ้นรถไฟจากสถานี Rokkomichi ไปสถานี Motomachi ซึ่งอยู่ถัดจากสถานี JR Sannomiya 1 สถานีเท่านั้น เพื่อไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารจีน China Modern Liang You ร้านนี้อยู่ในแผนการกินของเราครั้งนี้ด้วย น้องปลาไปเห็นรีวิวจากไหนไม่รู้แล้วบอกน่ากินดี

Rokkomichi

China Modern Liang You

ร้าน Shabusen เมื่อกลางวันว่าหนักแล้ว ร้านนี้หนักกว่า นอกจากไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ยังไม่มีเมนูภาษาอังกฤษอีกต่างหาก ต้องสั่งด้วยวิธีชี้รูปเอา

China Modern Liang You

ดูรีวิวร้านอาหารจีน China Modern Liang You แบบเต็ม ๆ คลิกที่นี่

กินเสร็จก็สามทุ่มแล้ว เราเลือกเดินกลับโรงแรมโดยเดินชมเมืองโกเบไปด้วย

Kobe

ระหว่างทางเราเดินผ่านร้าน Patisserie à la Campagne เป็นพายผลไม้น่ากินมาก เลยแวะซะหน่อย 5555 ร้านนี้เค้าห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีรูปพายในร้านมาให้ดู เลยถ่ายเฉพาะที่สั่งละกันนะ

(ดูตำแหน่งดู Google Map คลิกที่นี่)

a le Campagne

พายเบอร์รี่ 480 เยน มีบลูเบอร์รี่กับ สตรอเบอร์รี่ ชิ้นนี้อร่อยมาก รสไม่หวานจัด กลมกล่อมกำลังดี

a le Campagne

พายผลไม้รวม 600 เยน ชิ้นนี้เป็น Best Seller ของที่นี่ แต่ผมว่ามันธรรมดานะ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แถมมี Pink Grapefruit ที่มันขม ๆ ด้วย ไม่ชอบเท่าไหร่  ผมให้คะแนนชิ้นบนมากกว่า

a le Campagne

ทั้งหมดจ่ายไป 1166 เยน เราเดินกันเยอะ กินเค้กตอนสามทุ่มครึ่งก็ไม่อ้วนหรอกเนอะ หุหุa le Campagne

a le Campagne

กลับมาถึงแถวโรงแรม Monterey Kobe ยังคึกคักอยู่เลย รถเยอะด้วย

Kobe

เช็คอินห้องพักเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปโรงแรมยามค่ำคืนซะหน่อยก่อนนอน

Hotel Monterey Kobe

92Monterey

วันนี้ถือว่าเดินไม่หนักเท่าไหร่ พรุ่งนี้เราจะเช็คเอาท์แต่เช้าแล้วเดินทางไปเที่ยวปราสาทฮิเมจิกัน คืนนี้หลบหนาวใต้ผ้าห่มกันก่อนครับ

(ดูรีวิวตอนที่ 4 บุกปราสาทฮิเมจิ เที่ยวหมู่บ้านฝรั่ง Kitano ชมอ่าวโกเบยามค่ำคืน คลิกที่นี่)

About A+

หนุ่มแว่น สายไอที ผู้พยายามจะเอาดีด้านการถ่ายภาพ (แต่ยังไม่ดีสักที) มีคอนเซ็ปในการท่องเที่ยวแบบเน้นสบาย ไม่เอาลำบาก

Check Also

Fujisan

10 ขั้นตอน วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นดัวยตัวเองสำหรับมือใหม่ ตอนที่ 1

10 ขั้นตอน วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ที่เข้าใจง่ายและสามารถทำตามได้ทันทีแม้คุณจะไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อนก่อนตาม รับรองว่าเที่ยวสนุกแน่นอน