เที่ยวคันไซ ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว จองที่พัก แลัวออกเดินทาง
ทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยบังเอิญ คือน้องปลาให้เข้าไปจองตั๋วโปร Air Asia เพื่อไปเที่ยวเกาหลีใต้ ในขณะนั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นราคา คันไซ โอซาก้า ซึ่งมันเท่ากันกับเกาหลีเลย เลยไปลองจิ้ม ๆ เลือกวันดู ดันได้เวลาดีคือตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. – 5 ธ.ค. กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว 5555 สรุปว่าเราสองคนเลยได้กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งเร็วกว่ากำหนด แต่ครั้งนี้เราจะไป เที่ยวคันไซ กัน ซึ่งประกอบด้วยเมืองสำคัญ ๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต โกเบ นารา เป็นต้น ด้วยตั๋วเครื่องบินราคา 25,xxx บาท รวมประกันการเดินทาง และ น้ำหนักกระเป๋าขาไป 20 กิโล ขากลับ 40 กิโล
หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้วเรามาวางแผนเที่ยวกันว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้าง เนื่องจาก ทริปคันไซ นี้เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ เราสองคนเลยไม่ได้เตรียมตัวหาข้อมูลอะไรไว้เลย แต่เรามีเวลาศึกษาค่อนข้างมากเพราะจองตั๋วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ (9 เดือนทีเดียว คลอดลูกได้คนนึงเลย) สถานที่เที่ยวบังคับที่ผมต้องพาน้องปลาไปมีที่เดียวคือ Universal Studio Japan ส่วนผมเคยเห็นพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ไปเที่ยวเกียวโตแล้วถ่ายรูปวัดต่าง ๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมาแล้ว มันแสบตาโดนใจจริง ๆ … ไม่อยากบอกเลยว่าตอนแรกที่บอกน้องปลาว่าจองไปคันไซ น้องปลางอนผมด้วย น้องปลาบอกว่ามันมีแต่วัดๆๆๆๆๆ แต่พอผมบอกมี USJ ด้วย น้องปลาก็เลยหายงอนผม 55555
แต่พอได้ศึกษาข้อมูลแถบคันไซดูแล้ว มีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Million Dollar Night View บนเขา Rokko เมืองโกเบ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น (อีกสองที่คือ เขา Inasa ที่ Nagasaki กับ เขา Hakodate ที่ Hokkaido) หรือ ปราสาท Himeji ที่ปิดซ่อมมาหลายปี ก็เปิดให้เข้าชมได้แล้ว
แผนท่องเที่ยวของเราสองคน เลยเน้นไป 3 เมืองหลักคือ โอซาก้า โกเบ และ เกียวโต มีแวะไปฮิเมจิครึ่งวัน ตามนี้
- วันที่ 1 เดินทางสู่สนามบินคันไซ นอนสนามบิน
- วันที่ 2 เที่ยวโอซาก้า ปราสาทโอซาก้า Umeda Sky Building นอนโอซาก้า
- วันที่ 3 เที่ยวโกเบ ขึ้นเขา Rokko ชมวิว The Million Dollar Night View นอนโกเบ
- วันที่ 4 เที่ยวปราสาท Himeji หมู่บ้านฝรั่ง Kobe Harborland นอนโอซาก้า
- วันที่ 5 เที่ยวเกียวโต วัด Eikando วัด Nanzenji Gion นอนเกียวโต
- วันที่ 6 เที่ยวอาราชิยามะ ป่าไผ่ วัด Jojakkoji วัด Tenryuji วัดทอง วัดน้ำไส นอนเกียวโต
- วันที่ 7 เที่ยวศาลจิ้งจอก Fushimi Inari พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan นอนโอซาก้า
- วันที่ 8 เที่ยว Universal Studio Japan นอนโอซาก้า
- วันที่ 9 เที่ยวโอซาก้า ตลาด Kuromon, Osaka Shinsekai สนามบินคันไซ

จากแผนเราต้องจองที่พักทั้งหมด 7 คืน ดังนี้
โอซาก้า 4 คืน พักที่ Osaka Hana Hostel
Hana Hostel ถือเป็น Hostel ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มีรีวิวให้ดูกันเยอะ แถมคะแนนรีวิวก็ดีสุด ๆ ผมเองก็รู้จักจากการรีวิวนี่แหละ
Trip Advisor คะแนน 5 เต็ม
Booking.com ได้ 9.1 คะแนน
Agoda ได้ 8.9 คะแนน
ห้องพักของ Osaka Hana Hostel มีหลายแบบตั้งแต่ แบบ Capsule ห้องน้ำรวม ไปถึงห้อง Studio ที่มีห้องน้ำ มีครัว ในห้องด้วย ห้องที่นี่เต็มค่อนข้างเร็วโดยเฉพาะห้องส่วนตัว ผมจองล่วงหน้าเกือบ 6 เดือน ยังได้ห้อง Studio แค่วันเดียว ที่เหลือเป็นห้อง Private Bathroom ธรรมดา
มาดูบรรยากาศใน Hostel กัน เริ่มที่ Lobby เล็ก ๆ กับพนักงานที่บริการอย่างเป็นกันเองสุด ๆ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยนรองเท้า แล้วเอารองเท้าเก็บในตู้ที่ Hostel เตรียมไว้ให้
ที่นี่มีขายตั๋วสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้าด้วย อย่าง Umeda Sky นี่ขายถูกกว่าปกติ 50 เยน
ที่ Counter Check-in จะมีพยากรณ์อากาศติดให้ดูทุกวัน
สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมผ้าเช็ดตัวมา ที่นี่มีให้เช่าในราคา 100 เยนต่อผืน
มาดูใน Living room บ้าง มี Internet ให้ใช้
ที่นั่งสำหรับกินข้าว
มีอุปกรณ์สำหรับทำอาหารให้ใช้ด้วย ไมโครเวฟ เตาอบ ตู้เย็น สามารถใช้ได้หมดเลย
ตรงนี้ไว้ทำงาน พักผ่อน ดู TV และสังสรรค์เป็นกลุ่ม
ขึ้นมาดูที่ห้องบ้าง นี่คือห้อง Studio
ห้องใหญ่ทีเดียว มีครัวให้ด้วย ห้องนี้ราคา 7800 เยน
ที่นอนญี่ปุ่น มาพัก Hostel ต้องปูเองเก็บเองนะครับ เค้ามีวิธีให้ดู และตอนออกเราต้องพับเก็บคืนให้เค้า แล้วเอาผ้าปูไปใส่ตะกร้าหน้าลิฟท์ด้วย
ห้องน้ำก็ใหญ่โต
มาดูห้อง Private Bathroom บ้าง ห้องค่อนข้างเล็ก ไม่มี TV แต่ดีตรงที่พอพับที่นอนเก็บแล้วให้ความรู้สึกไม่แคบมาก
แต่ห้องน้ำแคบไปหน่อย โดยเฉพาะส่วนอ่างอาบน้ำ หมุนตัวแทบไม่ได้ ชนโน่นชนนี่ตลอด แต่น้องปลาตัวเล็กสบายไป 5555
จุดเด่นของ Hana Hostel คือ
- อยู่ใกล้สถานี Shinsaibashi เดินแค่ 2 – 3 นาทีเท่านั้น
- มี เซเว่น และ Family mart อยู่ใกล้ ๆ
- มีร้านอาหารอยู่ใกล้ที่พัก หาของกินง่ายทั้ง 3 มื้อ
- อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง แหล่งของกิน เช่น Ame-Mura Shinsaibashi Dontonburi แบบเดินไปได้สบาย ๆ
- สัญญาณ Wifi มีแยกสำหรับทุกชั้น ความเร็ว ok เลย
- พนักงานน่ารัก เป็นกันเอง อัทธยาศัยดีมาก
- มีบัตรสะสมแต้มให้ด้วย โดย 1 คืน เท่ากับ 1 คะแนน สามารถสะสมได้กับ Hana ทั่วญี่ปุ่นเลย คือถ้าพักไปเรื่อย ๆ จะแลกเป็นส่วนลด หรือ ขนมได้ อย่างผมพักเกิน 3 คืน เอามาเป็นส่วนลดได้ 300 เยน
ส่วนตัวผมเองให้ 9 คะแนน หัก 1 คะแนน เนื่องจาก ต้องขึ้นบันไดเพื่อเข้า Hostel กับ ห้องน้ำห้อง Private Bathroom แคบไปหน่อย ใครสนใจไปจองกันได้เลย จะจองผ่านเว็บ Agent หรือจองผ่าน เว็บของ Osaka Hana Hostel (คลิกที่นี่) เองเลยก็ได้ สามารถจองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 6 เดือนนะครับ
โกเบ 1 คืน พักที่ Hotel Monterey Kobe
เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานี Sannomiya ซึ่งเป็นสถานีศูนย์กลางของโกเบ ตอนแรกผมพยายามหา Hostel พักอยู่แต่หาไม่ได้เลยจองที่นี่แทน ถือเป็นที่พักที่ราคาสูงที่สุดในทริปนี้เลย
Trip Advisor ได้ 4 คะแนน
Booking.com ได้ 7.9 คะแนน
Agoda ได้ 8.0 คะแนน
มาดูบรรยากาศที่นี่กัน การออกแบบเป็นแนวยุโรป
ผมจองที่นี่เพราะสวนตรงนี้เลย มันดูดีมีชาติตระกูลมาก พอไปถึงก็สวยจริง ๆ แต่มีเท่าที่เห็นนี่แหละ
มาดูช่วงกลางคืนบ้าง
Lobby ก็ดูสวยงามแบบมืด ๆ
มีโบสถ์สำหรับประกอบพิธีด้วย วันที่ไปถึงมีคนแต่งงานหลายคู่เลย
ลิฟท์ที่นี่ใช้ระบบทาบการ์ด แล้วลิฟท์จะไปจอดที่ชั้นที่เราเข้าพัก แวะชั้นอื่นไม่ได้ กดได้เฉพาะชั้นที่เป็นส่วนกลาง
มาดูห้องกันบ้าง เห็นจากรูปก็พอรู้ว่ามันไม่ได้หรูหรามาก แต่มาถึงจริง ๆ แล้วดูธรรมดาไปหน่อย แต่ก็สะอาดดี
จุดเด่นของ Hotel Monterey Kobe
- การตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางสวยงาม (แต่ในห้องธรรมดามาก)
- อยู่ใกล้สถานี Sannomiya เดินประมาณ 5 – 8 นาที
- อยู่ใกล้แหล่งของกิน อย่างร้าน Steak Land ที่คนไทยหลายคนชอบไปกิน
ผมให้คะแนนที่นี่ 8.0 หักคะแนนตรงที่แพงไปหน่อย ใครสนใจก็แวะไปดูรายละเอียดหรือจองที่ Website Hotel Monterey Group (คลิกที่นี่) ได้เลยนะครับ
เกียวโต 2 คืน พักที่ Backpacker K’s House Kyoto
K’s House คล้ายกับ Hana Hostel คือมีห้องให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ ห้องพักรวม ไปถึงห้อง Private Bathroom ตอนแรกผมจอง Kyoto Hana Hostel ไว้ แต่สุดท้ายเปลี่ยนแผนเพราะมารู้ทีหลังว่า ถ้าไปเกียวโตห้ามไปวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งผมดันวางแผนไว้ตรงพอดี พอจะเปลี่ยนวันจอง Kyoto Hana Hostel ก็เต็มซะแล้ว เลยต้องหาที่ใหม่ มาได้ที่ K’s House Hostel ซึ่งราคาสูงกว่าเล็กน้อย
Trip Advisor ได้ 4.5 คะแนน
Booking.com ได้ 8.8 คะแนน
Agoda ได้ 8.6 คะแนน
มาดูบรรยากาศของที่นี่กัน ห้องติด ๆ กับ Lobby จะเป็นร้านอาหาร
Lobby ดูใหญ่และสว่างกว่าของ Hana Hostel
มีของใช้จำเป็นขายเล็กน้อย พร้อมป้ายบอกสภาพอากาศ และจักรยานให้เช่า
Locker สำหรับเก็บรองเท้า ดูปลอดภัยเพราะว่ามีกุญแจให้ล็อคด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่า กุญแจหายปรับ 1000 เยนนะจ๊ะ
ห้องที่นี่ใช้บัตรสมาร์ทการ์ด เข้าออกทั้งห้องและประตูหน้า
เปิดเข้าแล้ว ห้องแค๊บแคบเนอะ ยิ่งวางเตียงแบบนี้ยิ่งแคบ
แต่ห้องเล็กขนาดนี้ยังมี TV ให้ด้วยนะ (เห็นดำ ๆ ทางขวาไหม) ขนาดทีวีน่าจะสัก 12 – 13 นิ้วได้ แต่ก็เพียงพอเพราะมันอยู่ใกล้มาก แถมที่นี่มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยสำหรับห้อง Private Bathroom ไม่ต้องเช่า
ห้องน้ำแคบตามมาตรฐาน แต่ไม่มีที่แขวนผ้าเช็ดตัวให้ส่วนแห้งเลย อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มี
อุปกรณ์ข้างล่างนี้คือ Remote สำหรับเปิดปิดไฟห้อง ของเล่นใหม่ ที่บ้านเราไม่มี เล่นสนุกอยู่สักพักเหมือนกัน
จุดเด่นของ Backpacker K’s House Kyoto
- อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Shichijo ประมาณ 3 – 4 นาที ซึ่งสามารถใช้เดินทางไป วัด Nanzenji วัด Eikando Gion และ ศาลเจ้า Fushimi Inari ได้สะดวก แต่อยู่ห่างจากสถานี เกียวโต สัก 10 นาที
- อยู่ใกล้ป้ายรถบัส สามารถนั่งรถสาย 206 จากหน้าวัดน้ำใส มาลงฝั่งตรงข้าม Hostel ได้เลย
- เงียบสงบ เงียบมาก จะเงียบไปไหน (ตกลงมันเป็นจุดเด่นไหมเนี่ย) ใครชอบความสงบคงมีความสุข Minimart ที่ใกล้ที่สุดต้องเดิน 3 นาที
- ใช้ Smart card ในการเข้าออกห้องพัก และ ประตู Hostel (กรณีกลับดึกเกิน 4 ทุ่ม)
- มี TV ในห้องด้วย
- ไม่ต้องเช่าผ้าเช็ดตัว
ผมให้คะแนน 8.5 หักคะแนนเพราะ ห้องแคบเกิน ซึ่งพอเตียงพับเก็บไม่ได้ แทบไม่เหลือที่วางอะไรเลย แถมห้องที่ผมพัก ชักโครกชอบ Hang ไม่ทำงาน (อาการคือที่นั่งไม่อุ่น และ ระบบชำระไม่ทำงาน) ต้องกดปุ่ม Reset บ่อย ๆ ส่วนพนักงานให้บริการคล้าย ๆ โรงแรม จะดูเป็นทางการมากกว่า Hana Hostel มาก (หรือที่ Hana ไฮเปอร์มากก็ไม่รู้ 5555) ถ้าสนใจจองทำผ่านเว็บของ Hostel เลยก็ได้ (คลิกที่นี่) โดยการจองจะต้องมัดจำ 12% ด้วย ถ้ายกเลิกไม่คืนนะครับ
พอได้ที่พักครบแล้ว ก็มาวางแผนซื้อ Pass สำหรับเดินทางกันต่อ ซึ่งแถบคันไซมี Pass ให้เลือกหลัก ๆ คือ JR-West Pass กับ Kansai Thru Pass ซึ่งผมก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนสุดท้ายมาลงตัวที่ JR-West Kansai wide area Pass ข้อดีของ Pass ใบนี้ ผมเขียนไว้อีกกระทู้นึงพร้อมกับวิธีใช้งานรถด่วน Limited Express กับ Shinkansen หากสนใจ คลิกที่นี่ ได้เลยครับ
เดินทางข้ามเวลามาวันเดินทางกันเลย เราเดินทางด้วยเที่ยวบิน XJ660 เวลา 15.20 น. ถึง 22.40 น. ผมไปถึงตั้งแต่ เที่ยงกว่า ๆ (กลัวตกเครื่อง) เลยต้องรอชั่วโมงนึงถึงเช็คอินได้
เสร็จแล้วก็แวะช็อปปิ้งกันหน่อย เค้าโฆษณาว่าเผื่อเวลาช็อปที่สนามบินได้ของครบแน่ แต่พอจะซื้อจริง ๆ ของหมดหลายตัวเลยนะ โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์
ช็อปเสร็จก็หาอะไรกินแล้วมานั่งรอเวลา กว่าเครื่องจะมาเทียบงวงช้างปาไป 4 โมงเย็นแล้ว ดีเลย์แน่ ๆ ใครลุ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็เลิกลุ้นได้เลย
ตอนแรกคิดว่า คงไม่หิวหรอก ไปถึงแล้วค่อยหาอะไรกิน สุดท้ายหิวแฮะ เลยสั่งข้าวเหนียวไก่ย่างมากินรองท้อง ส่วนน้ำได้ฟรีจากโปรของบัตรเครดิต Air Asia
กัปตันขับซิ่งมาก แม้จะออกช้ากว่ากำหนด แต่มาถึงเลยเวลาไปนิดเดียว จังหวะที่เครื่องกำลังลดระดับเห็น สะพาน Akashi-Kaikyo ที่โกเบด้วย
จาก Gate ที่ลง เราต้องนั่งรถไฟต่อไปยัง Terminal อีกทีเพื่อผ่าน ตม. กับ รับกระเป๋า
มาถึงแล้วสิ่งแรกที่ทำคือ เดินออกไปนอกอาคารรับลมหนาวกันหน่อย อากาศตอนนี้ในโทรศัพท์แจ้งว่า 10 องศา หนาวได้ใจเพราะใส่เสื้อกันหนาวมาตัวเดียว
ลำดับต่อไปคือหาซื้อ SIM Card สำหรับเล่น Net ส่วนตัวผมไม่เลือกใช้ Pocket Wifi เพราะลองคำนวณแล้วราคาใกล้เคียงกับ SIM 2 ใบ ซึ่งข้อดีของ SIM คือเวลาแยกกันเรายังเล่น Net ได้ทั้งคู่ เวลาหลงก็ใช้ Line call โทรหากันได้ แต่ข้อเสียคือ สามารถใช้ Data ได้ 1 GB ในเวลา 1 เดือน ราคาใบละ 3000 เยน ซึ่งสำหรับผมแล้วไม่มีปัญหาเพราะปกติผมใช้ทั้งเดือนไม่เกิน 2 GB ดังนั้น 10 วัน 1 GB นี่ยังไงก็พอ
ที่สนามบินคันไซ จะมีตู้ขาย SIM ของ SoNet หรือ SONY ที่เรารู้จักกันนี่เอง ส่วน SIM ข้างในใช้ของ Docomo ซึ่งรับประกันว่าครอบคลุมการใช้งานทั่วญี่ปุ่น โดยตู้ SoNet จะวางอยู่ที่ชั้น 1 หรือชั้นที่เราเดินออกมาหลังจากรับกระเป๋านั่นแหละ ซึ่งมี 2 ตู้ทั้งทางฝั่งเหนือ และ ใต้ แต่แนะนำว่าให้ไปซื้อทางฝั่งเหนือ (ดูที่ป้ายด้านบนจะบอกว่าเป็นทิศไหน) เพราะตู้ไม่ทอนเงินต้องใส่พอดีเท่านั้น ถ้าเรามีแต่แบงค์หมื่นเยน ก็สามารถขึ้นไปชั้น 2 ไปซื้อของแลกเงินที่ Lawson McDonal ได้ทางฝั่งนี้เลย
ฝั่งเหนือตู้อยู่ขวามือในภาพ
มี SIM ให้เลือก 3 แบบเลย ทั้ง Normal, Micro, Nano 1 GB 3000 เยน 3 GB 5000 เยน
หยอดเงินให้ครบแล้วกดที่ไฟหน้าตู้ แล้วก็หยิบซิมออกมา
ด้านในมีวิธี Set ค่าที่โทรศัพท์ทั้ง iOS และ Android เลย มีภาษาไทยด้วยนะ ถ้า Set ค่าถูก จะสามารถเข้า Web ของ SoNet เพื่อลงทะเบียน SIM ได้ พอลงทะเบียนเสร็จก็ใช้งานได้เลย
เวลาตอนนี้ก็เที่ยงคืนครึ่งแล้ว หิวแล้วแฮะ ไปหาอะไรกินใน Lawson ดีกว่า
กล่องนี้ 498 เยน แบ่งกันสองคนก่อนไปแปรงฟันแล้วเข้านอน (อากาศเย็นไม่ต้องอาบน้ำหรอก อิอิ)
คืนที่ผมไปถึงน่าจะเป็นคืนสุดท้ายที่ทางสนามบินอนุญาตให้นอนที่นี่ เพราะวันรุ่งขึ้นเห็นมีคนเขียนว่าเค้าห้ามนอนแล้ว ให้ไปนอนที่ AeroPlaza ฝั่งตรงข้าม Terminal ชั้น 2 (ซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไหร่ว่ามีที่ให้นอนฟรีด้วย)
ตอนนอนที่สนามบินนี่แรก ๆ ก็ใส่เสื้อแจ็คเก็ตตัวเดียวถอดรองเท้านอน สักพักต้องเอาเสื้อมาใส่เพิ่ม อีกแป๊บต้องลุกมาใส่รองเท้าเพราะมันโคตรหนาวเลย แต่แป๊บเดียวก็เช้าแล้ว (เรียกว่าไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่) ตอนหน้าเราจะพาไปแลก JR Pass แล้วเข้าเมืองโอซาก้า ไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า หาของกินที่ตลาดเทมมะ แล้วไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ชั้น 39 ตึก Umeda Sky Building ติดตามต่อคลิกที่นี่ได้เลยครับ