10 ขั้นตอน วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นดัวยตัวเองสำหรับมือใหม่ ตอนที่ 1

10 ขั้นตอน วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นดัวยตัวเองสำหรับมือใหม่ ตอนที่ 1

 

วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ตั้งแต่การยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา คนไทยให้ความสนใจเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมากขึ้นเยอะ สังเกตุได้จากปริมาณคนที่ล้นหลามบริเวณบูธที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นในงานท่องเที่ยวทุกครั้ง และ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย แถมการเดินทาไปไหนมาไหนก็สะดวก คนจึงหันมานิยมไปเที่ยวด้วยตัวเองกันมากขึ้น

แต่สำหรับคนไปญี่ปุ่นเองเป็นครั้งแรก ผมเชื่อว่าการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้รีวิวทุกวันนี้จะเยอะแยะมากมาย แต่ก็สร้างความสับสนไม่น้อยเช่นกัน เพราะที่ไหนของญี่ปุ่นก็สวยไปหมด ตรงไหนก็น่าไป บัตร pass ต่างๆ ก็เยอะแยะจนชวนงง (เหมือนกับตอนที่ผมกับน้องปลาเคยเป็นตอนไปญี่ปุ่นกันครั้งแรก) หลังจากเรามีประสบการณ์การสับสน การหลงมาพอประมาณ 555 ผมเลยได้ข้อสรุปการวางแผนการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครับ

Kiyomizu

วันนี้ผมจะมาเล่าขั้นตอนการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เหมาะมากสำหรับคนที่จะเดินทางครั้งแรก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ลองอ่านขั้นตอนง่าย ๆ 10 ขั้นตอนนี้ดูครับ รับรองว่าการวางแผนเที่ยวจะง่ายขึ้นเยอะแน่นอน

1. หาข้อมูล

การเริ่มต้นวางแผนเที่ยวญีปุ่นโดยการตั้งกระทู้ใน Pantip.com ประมาณว่า “จะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ช่วยวางแผนให้หน่อย ว่าไปไหนบ้าง กี่วันดี” เป็นวิธีที่ไม่แนะนำเลยครับ เพราะความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน การไปเที่ยวตามแผนคนอื่นไม่ต่างอะไรกับการไปทัวร์ที่ไม่มีไกด์ เพราะถ้าคุณไม่ศึกษาการเดินทางพอไปถึงสถานที่จริงที่ไม่มีไกด์นำเที่ยว คุณอาจได้ประสบการณ์ที่เลวร้ายกลับมาแทน

เซียนโอซาก้า2

สิ่งที่ควรทำเมื่ออยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองอย่างแรกก็คือ หาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น อาจจะเริ่มจาก Google หา Web, Blog ที่มีข้อมูล รีวิว การท่องเที่ยว หรือ เข้า Pantip.com เพื่อหากระทู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น หรือ อาจจะเดินไปร้านหนังสือหาหนังสือแนะนำที่เที่ยวญี่ปุ่นมาอ่านสักเล่มสองเล่มก็ได้ หรือ อ่านรีวิวของผมก็ได้ ทั้งภูมิภาค คันโต และ คันไซ

หลังจากอ่านข้อมูลได้สัก 10 เรื่อง ภาพการท่องเที่ยวของคุณจะเริ่มชัดเจนขึ้นทันทีจากนั้นไปต่อที่ขั้นตอนที่ 2 ได้เลย

2. เลือกภูมิภาค

Japan Map
ขอบคุณรูปจาก http://thebest-edu.com/

สำหรับคนที่ไม่เคยศึกษาประเทศญีปุ่นมาก่อน อาจจะมีปัญหาในการเลือกภูมิภาคเที่ยว เพราะไม่รู้ว่าไอ้ที่อยากเห็นอยากเจอมันอยู่ส่วนไหนของญี่ปุ่น (อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย ที่เที่ยวเมืองไทยเองบางที่ เรายังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ส่วนไหน) บางคนอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิ พร้อม ๆ กับเที่ยวบ้านเกิดของหมีคุมะมง หรือ อยากไปเล่นเครื่องเล่นแฮรรี่พอตเตอร์ ที่ Universal Studio Japan พร้อมกับเที่ยวเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ใช่ว่าจะเที่ยวในทริปเดียวไม่ได้ แต่หากคุณจะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก และ ไปไม่เกิน 7 – 10 วัน การวางแผนเที่ยว 1 – 2 ภูมิภาค ก็มีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากพอแล้ว เกินกว่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับชะโงกทัวร์ที่ไปเพียงให้เห็นแล้วก็ย้ายไปที่ต่อไป

วิธีการเลือกภูมิภาคแบบง่าย ๆ คือ ลองเรียงลำดับสถานที่เที่ยวที่อยากไป แบบที่ว่า ถ้าจะไปญี่ปุ่นต้องไปถึงที่นี่ให้ได้ จากนั้นเอาสถานที่ต่าง ๆ ที่ต้องการไปค้นหาข้อมูลว่าอยู่ส่วนไหนของญี่ปุ่น ลองดูสัก 5 – 6 อันดับ ถ้ามีสถานที่ซ้ำกันในภูมิภาคไหนก็เลือกไปที่นั่นแหละ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมือใหม่จะชอบไปอยู่ 2 ที่นั่นคือ

1. ภูมิภาคคันโต เป็นที่ตั้งของเมืองโตเกียว เมืองหลวงของนักช็อป แล้วยังสามารถไปชมความงามของภูเขาไฟฟูจิ และ เที่ยว Disney Sea ที่ติดอันดับ Theme Park ที่ดีที่สุดในโลกมาตลอด

Kanto

2. ภูมิภาคคันไซ ที่ตั้งของโอซาก้าเมืองใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น บริเวณนี้เป็นต้นกำเนิดอาหารมากมายในญีปุ่น จะช็อปก็ดีจะกินก็อร่อย รวมถึงเมืองเก่าที่มีวัดและธรรมชาติสวยงามอย่างเกียวโต

Kansai

แต่ใครจะไปที่อื่นก็ไม่ว่ากัน ขอให้เป็นที่ที่อยากไปถือว่าผ่านข้อนี้ไปได้ครับ

3. เลือกฤดูกาลที่ชอบ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ทั้งปี แต่ละฤดูกาลจะมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป การเลือกฤดูเที่ยว ส่งผลต่อเสื้อผ้าที่ต้องเตรียมไป เพราะแต่ละช่วงมีอุณหภูมิไม่เท่ากัน ได้แก่

1. ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – พฤษภาคม) อากาศอบอุ่น-เย็น ช่วงนี้เราจะได้ชมความงามของดอกซากุระ ที่จะบานไล่จากภูมิภาคทางใต้ไล่ขึ้นไปทางเหนือ โดยสามารถดูพยากรณ์ได้จาก Website หลาย ๆ ที่เช่น Jnto.go.jp แต่เราแนะนำให้ดูที่ japan-guide.com ด้วยเนื่องมีภาพรายงานสดจากที่ต่าง ๆ ให้ดูทุกวัน

Sakura Forecast
ขอบคุณรูปจาก Jnto.go.jp

2. ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน – สิงหาคม) อากาศก็ร้อนหนะสิ ร้อนแบบจริงจัง เรียกว่าใส่เสื้อผ้าแบบที่อยู่เมืองไทยได้เลย ช่วงนี้ญี่ปุ่นจะมีเทศกาลดอกไม้ไฟในหลาย ๆ ที่ และเป็นช่วงที่น่าจะถูกใจขาช็อป เพราะจะเซลล์แหลกลาญกันเลยทีเดียว

3. ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน – พฤศจิกายน) อากาศเย็น ช่วงนี้เป็นช่วงที่ถ่ายรูปสวยเป็นพิเศษ เพราะใบเมเปิ้ลทั่วญี่ปุ่นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ใบแปะก๊วยเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดยจะไล่เปลี่ยนสีจากเหนือลงใต้ สามารถดูพยากรณ์ได้จาก Website และ Japan-guide.com ก็มีรายงานสดให้ดูอีกเช่นกัน

Autumn Forecast
ขอบคุณรูปจาก japancheapo.com

4. ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์) อากาศหนาว ทุกอย่างจะขาวไปด้วยหิมะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอากาศหนาว  อยากเจอหิมะ อยากจะปาหิมะใส่หน้าเพื่อน 5555  เพื่อนผมที่อยู่ญี่ปุ่นบอกว่าหิมะที่สกีรีสอร์ทในฮอกไกโด มีคุณภาพดีติดอันดับโลกเลยทีเดียว

 

หากอยากรู้ว่า ช่วงวันที่เดินทางไปอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ก็สามารถดูอุณหภูมิคร่าว ๆ ได้จากข้อมูล ณ. ช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าจาก Website เช็คอุณหภูมิ ซึ่งจะบันทึกสภาพอากาศในช่วงนั้นไว้ (คลิกเพื่อดูข้อมูลใน Website)

Weather

4.จองตั๋วเครื่องบิน

ก่อนการจองตั๋ว คุณควรกำหนดระยะเวลาเที่ยวคร่าว ๆ ไว้ก่อน ซึ่งจริง ๆ การจะถามว่าควรไปเที่ยวนานกี่วันเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก เพราะแต่ละคนมีเงื่อนไขในชีวิตแตกต่างกัน อย่างผมเองทำงานประจำแต่ละปีมีวันลาจำกัด ต้องจัดสรรให้ดี ผมจึงถูกจำกัดวันเที่ยวตามวันที่ลาได้ แต่บางคนอาจจะถูกจำกัดจากงบประมาณที่เตรียมไว้ ส่วนคนที่ไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้อาจจะข้ามขั้นตอนนี้ไปเลือกสถานที่เที่ยวก่อน แล้วค่อยมาดูว่าถ้าจะไปเที่ยวให้ครบต้องใช้เวลาเท่าไหร่ก็ค่อยว่ากัน แต่สำหรับผมแล้วระยะเวลาที่ไปควรมีเวลาเที่ยวจริง ๆ (ไม่รวมเวลาเดินทาง) ไม่น้อยกว่า 5 วันสำหรับการเที่ยว 1 ภูมิภาค อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตอนจองตั๋วเครื่องบิน

07OntheFly

ความยากของขั้นตอนนี้คือ ถ้าต้องการได้ตั๋วโปรจองข้ามปีแบบแอร์เอเชีย การจองจะยากขึ้นเพราะช่วงเวลาที่วางแผนเดินทางไว้อาจจะไม่มีตั๋วราคาถูกหรือหมดไปแล้ว ทำให้ต้องมีการขยับวันเพิ่มหรือลด และต้องรีบตัดสินใจเพราะถ้าเจอวันตั๋วถูกแล้วตัดสินใจช้าเดี๋ยวที่นั่งจะหมดซะก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อไปชื่นชมบรรยากาศที่สวยงามที่สุดของ ซากุระ หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ได้เห็นสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสี คุณจะต้องดูพยากรณ์ด้วยว่าช่วงเวลาที่ไปนั้น ใบไม้กำลังสวยงามหรือว่าร่วงไปหมดแล้ว ยิ่งทำให้การจองตั๋วยากขึ้นไปอีก

Himeji

แต่เดี๋ยวก่อนถ้าคุณไม่ได้เป็นคนชอบอดหลับอดนอนนั่งรอจองตั๋วโปร แต่ยังอยากได้ตั๋วราคาดีที่สุดในวันที่ต้องการ เพื่อให้ได้เที่ยวในช่วงเวลาที่สวยที่สุด เราขอแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่าน Website ที่เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินของสายการบินชั้นนำในวันที่เดินทางอย่าง Traveloka.com ซึ่งใช้งานง่าย สามารถเลือกเงื่อนไขเรื่องราคา หรือ เลือกสายการบินที่บินตรงเท่านั้น ระบบก็จะแสดงเที่ยวบินที่ตรงตามเงื่อนไขให้เราเลือกช่วงเวลาที่ต้องการได้เลย เท่านั้นยังไม่พอ ราคาตั๋วที่เห็นจะเป็นราคาสุดท้ายที่ไม่ต้องบวกค่าธรรมเนียมสนามบิน ค่าน้ำมัน หรือ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มแล้ว สะดวกมากเลยอ่ะ

Traveloka

5.เลือกสถานที่เที่ยว

หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็เหมือนเป็นการสรุปว่า คุณจะมีเวลาเที่ยวกี่วัน ตอนนี้ก็ถึงเวลาเลือกสถานที่เที่ยวแล้ว จากขั้นตอนที่ 1 คุณน่าจะได้เลือกสถานที่เที่ยว ที่ห้ามพลาดมา 2 – 3 ที่ หรือ มากกว่านั้น ให้เอาชื่อสถานที่เหล่านั้นมาปักหมุดในแผนที่ ในที่นี้ผมจะใช้ Google Maps โดยการค้นหาสถานที่ให้เจอจากนั้นก็กด Save ไว้ เช่น ค้นหา Osaka Castle ตามภาพ (ถ้าเป็นไปได้ควร Login gmail ไว้ด้วย เพื่อให้สามารถเห็นตำแหน่งที่ save ไว้เวลาไปเปิดในเครื่องอื่น หรือ บนมือถือ

Save map

หลังจากปักหมุดเสร็จแล้ว ลอง Zoom out ออกมาดูจะเป็นดาวเหลือง ๆ ตามตำแหน่งที่คุณ Save ไว้ ดูจากภาพจะเห็นว่าสามารถแยกได้คร่าว ๆ ว่าที่เที่ยวที่อยู่ใกล้ ๆ กันมีอะไรบ้าง ซึ่งคุณจะใช้ข้อมูลนี้ในการจองที่พัก ต่อไป

Save Map

***** ข้อควรระวัง *****
เนื่องจากตำแหน่งบน Google Maps ถูกสร้างโดยใครก็ได้ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบอีกครั้งว่า ตำแหน่งที่ค้นหาเจอนั้น ใช่ที่ที่เราต้องการจริงหรือไม่ ซึ่งวิธีการตรวจสอบที่ง่ายที่สุดก็คือใช้ Google Street View นั่นเอง

Google Street View คือการดูภาพจากสถานที่จริงแบบ 360 องศา ซึ่งทำให้เหมือนคุณลงไปเดินในสถานที่นั้นจริง ๆ วิธีการใช้งานคือ ใช้เมาส์คลิกค้างไว้ที่ตัวคนสีเหลืองมุมขวาล่างของ Google Maps จากนั้นลากไปวางในตำแหน่งที่ต้องการดูภาพจากนั้นก็ปล่อยเมาส์ที่คลิกค้างไว้ (สังเกตง่าย ๆ ตำแหน่งที่สามารถดูภาพ Street View ได้ จะมีเส้นสีน้ำเงินลากผ่าน)

Street View

Street View

หลังจากปล่อยเมาส์ภาพก็จะซูมเข้าไปในจุดที่ต้องการดู จากนั้นคุณสามารถหมุนภาพดูรอบ ๆ ขยับไปมาเหมือนเดินบนถนน เพื่อหาสถานที่ที่คุณต้องการ ถ้าเจอก็มั่นใจได้ว่าตำแหน่งที่ปักถูกต้องแน่นอน ตัวอย่างเช่นค้นหา ปราสาทโอซาก้า แล้วลงไปเดินดูหน่อยว่า ใช้จริงหรือเปล่า

Street View

ชักเริ่มยาวแล้ว ขอไปต่ออีก 5 ขั้นตอนที่เหลือในตอนที่ 2 (คลิกที่นี่) ละกันครับ

About A+

หนุ่มแว่น สายไอที ผู้พยายามจะเอาดีด้านการถ่ายภาพ (แต่ยังไม่ดีสักที) มีคอนเซ็ปในการท่องเที่ยวแบบเน้นสบาย ไม่เอาลำบาก

Check Also

Fushimi Inari

เที่ยวคันไซ ตอนที่ 7 เที่ยวศาลจิ้งจอก Fushimi Inari และ Osaka Aquarium Kaiyukan

ชมอุโมงเสาโทริอิ ที่ศาลจิ้งจอก Fushimi Inari ชิมแพนเค้กร้าน Gram และ Takoyaki ทักทายฉลามวาฬที่ Osaka Aquarium Kaiyukan ปิดท้ายด้วยปิ้งย่างเนื้อมัตสึซากะ