อากาศดี ๆ ที่ เวลาเวียน วังน้ำเขียว เขาใหญ่
สวัสดีค่า ทริปนี้เกิดจากการที่เราไปซื้อแพคเกจที่พักของ “เวลาเวียน รีสอร์ท” ไว้ ก็ซื้อจากงานท่องเที่ยวนั่นล่ะค่ะ รีสอร์ทอยู่วังน้ำเขียว จะไปเที่ยวก็ควรไปหน้าหนาวเนอะ แล้วโชคดีมากว่าช่วงที่จองไว้อากาศดี๊ ดี หนาวตั้งแต่ใน กทม เดิมทีจะไปแค่คืนเดียว เพราะไม่ไกลมาก ตั้งใจจะไปวันอาทิตย์ค่ะ แต่ตื่นมาเช้าวันเสาร์อากาศงี้ดี๊ ดี เลยเปลี่ยนแผน เก็บกระเป๋าไปมันตั้งแต่วันเสาร์กันเลย ที่พักก็ไปหาเอาดาบหน้าล่ะค่ะ 555
วันแรกเราเลือกไปเที่ยวเขาใหญ่กันค่ะ แต่ไปถึงก็เที่ยงพอดี แวะหาอะไรทานกันก่อนค่ะ วันนี้เราเลือกฝากท้องกับร้านนี้ แดรี่โฮม หูยย คุณขา ผู้คนล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสนมาก รอคิวอยู่นานกว่าจะได้กิน หิ้วท้องกันไส้กิ่วเลย แต่คุณแฟนเค้าอยากกินมาก เลยต้องยอมรอค่ะ
สั่งน้ำกันมาก่อนเลย น้ำอ้อยคนละแก้ว มันเข้ากันไปมั้ยกินกับสเต๊กเนี่ย 5555 แต่ไม่แคร์ฮ่ะ ก็ชอบกินน้ำอ้อยอ่ะ แต่น้ำอ้อยนี่มันหว๊านหวานล่ะ ถ้าเค้าใส่น้ำแข็งมาอาจจะพอดี แต่กินเปล่าๆแบบนี้ เลยหวานแสบคอไปนิดค่ะ
มาดูอาหารกันบ้าง จานนี้ของเราค่ะ เบอร์เกอร์หมู หมูชิ้นหนาและหย่ายยยย พี่กินม่ายยยหมด แหะแหะ
จานนี้ของคุณแฟน สเต๊กหมูคุโรบูตะ โอ๊ยยย อร่อยมากกกก หมูมันนุ๊มนุ่มล่ะ …รู้ได้ไง ก็แย่งกินไงคุณ 5555
จบคาวไม่ได้ต่อไอติมเลย เพราะอิ่มมาก แอบเสียดาย วันหลังค่อยไปใหม่ อิอิ
อิ่มแล้วก้ไปเที่ยวที่แรกกันค่ะ อยู่ไม่ไกลจากแดรี่โฮมเลย วิ่งเข้าซอยแดรี่โฮมนั่นแหละค่ะ วิ่งเข้าไปข้างในเลย The Bloom Khaoyai By TV Pool.
The Bloom Khaoyai เป็นสวนดอกไม้ ที่มีรีสอร์ทด้วย แต่เหมือนรีสอร์ทยังไม่เสร็จดีมั้งคะ
โชคดีมากตอนเราไปถึงคนไม่ค่อยเยอะค่ะ เลยถ่ายรูปได้สบายหน่อย
มีแกะให้เลี้ยงด้วย
ถ่ายรูปจนพอใจ บวกกับคนเริ่มเยอะค่ะ เลยไปที่อื่นต่อดีกว่า จุดหมายต่อไป เกิดจากเราไปโม้ให้พี่เอ๋ฟังค่ะ เนื่องจากปลาเคยไปออกกกอง Pre-Wedding ที่นี่มา เห็นแล้วรู้เลยว่าพี่เอ๋ต้องชอบแน่ ไปโม้ไว้เยอะจนพี่เอ๋อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองค่ะ “Toscana Valley” ชื่อคล้ายๆกับ LaToscana สวนผึ้ง แต่มันเป็นคนละที่ อย่าสับสนนะจ๊ะ
Toscana Valley เขาใหญ่ จะต่างจาก LaToscana ตรงที่นอกจากจะเป็น โรงแรม แล้ว ยังเป็นที่พักตากอากาศด้วย มีทั้งแบบขายห้อง ขายบ้าน หรือขายแต่ที่ดินเปล่า เป็นโครงการที่ใหญ่มากกก เห็นข้างหน้าว่าอลังการแล้ว ด้านในยิ่งกว่า เราไปถึงทอสคาน่าตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกพอดี ซึ่งเป็นช่วงที่ดีงามสำหรับการถ่ายรูปอยู่ล่ะ ด้านหน้าที่เราเห็นอยู่นี้ คนนอกเข้าไม่ได้นะคะ เพราะเป็นที่ส่วนบุคคล เป็นลักษณะเหมือนคอนโดหรือบ้านพักที่ขายขาด ได้แค่ถ่ายรูปด้านหน้าแบบนี้แหละ แต่แค่นี้ก็สวยแล้วนะ
ในส่วนของโรงแรมจะอยู่ข้างในค่ะ ต้องแจ้ง รปภ ด้านหน้าว่าเราจะไปโรงแรมค่ะ ข้างในกว้างใหญ่มาก ขับแล้วมีหลง อาจต้องมีถามทาง รปภ เป็นระยะ ๆ 555
โรงแรมของทอสคาน่ามีถึง 2 โรงแรม ด้วยกันค่ะ โรงแรมแรกจะอยู่กลางๆ ของโครงการ เป็นสไตล์เหมือนเมืองของฝรั่ง สวยงามได้บรรยากาศมาก โดยเฉพาะตอนที่ไปอากาศเย็น เลยยิ่งได้อารมณ์มากเลย มีร้านอาหารให้เลือกนั่งหลายร้านอยู่ เหมือนอยู่เมืองนอกมากอ่ะ
โรงแรมที่สองจะขับเข้าไปข้างในอีกหลายกิโลอยู่ล่ะค่ะ (โครงการเค้าใหญ่จริงๆ) แต่ตอนขับเข้าไปนี่ฟ้ามืดแล้ว เลยถ่ายรูปกลับมาไม่ได้ ด้านในก็จะสไตล์คล้ายกัน แต่ดูเหมือนบ้านมากกว่าโรงแรมข้างหน้า มีสระว่ายน้ำอยู่ด้วย แต่ไม่มีร้านอาหารค่ะ ถ้าจะทานอาหารต้องไปทานตรง รร แรกแทน
หลังจากพาพี่เอ๋ดูจนเกือบทั่ว พี่เอ๋ชอบมากจริง ๆ ค่ะ ถึงขนาดวางแผนว่าจะหาโอกาสมาพักให้ได้ แต่ยังไม่ใช่วันนี้นะ เพราะเกินงบของทริปนี้ไปหน่อย อิอิ
หลังจากดูจนพอใจ เราก็ไปหาอะไรทานกันค่ะ เราขับย้อนออกมาทาง ถ.ธนะรัตถ์ อีกที ต้องบอกว่าพอพระอาทิตย์ตกดินอากาศนี่ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ ตอนแรกเลยตั้งใจจะไปทานข้าวที่ร้าน “ครัวกำนัน” ซึ่งนอกจากเป็นร้านอาหารที่อาหารอร่อยแล้ว ยังมีห้องพักให้ในราคาถูก ๆ ด้วย แต่… อิชั้นดันจำไม่ได้ว่าร้านอยู่ตรงไหน 5555 ขับไปขับมาจนงง สุดท้ายหิว ทนไม่ไหวค่ะ ผ่านร้านนี้พอดี เลยแวะซะเลย “ครัวเขาใหญ่” เริ่มที่จานแรกเลย ผัดต้นอ่อนทานตะวัน
จานที่สอง ยำหรือพล่าทะเลนี่แหละ
ต้มยำกุ้งน้ำใส
ทานเสร็จต้องไปหาห้องพักจริง ๆ แล้วค่ะ จำได้ว่าตอนเราขับผ่านปาลิโอเขาใหญ่ เราเห็นโรงแรมข้าง ๆ ติดป้ายราคาห้องพักไว้ ราคาน่าคบหา เลยตัดสินใจว่าไปพักที่นั่นแทนละกัน 555 จริงๆ เหตุผลนอกจากราคาแล้ว เพราะอยู่ใกล้อุทยานเขาใหญ่ด้วยค่ะ พอดีเราวางแผนกันว่าเราจะไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานกัน เลยอยากได้ที่พักที่ไม่ไกลจากอุทยานมากนักค่ะ โรงแรมนั้นคือ J2 เขาใหญ่ ห้องพักคืนละ 950 บาท ห้องพักเล็กๆ แต่สะอาด สะอ๊าน ห้องค่อนข้างใหม่เลยล่ะ
ได้ห้องพักแล้วก็เตรียมพักผ่อนได้ค่ะ เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้าค่ะ ตื่นเช้าจริงจังนะคะเวลามาเที่ยวเนี่ย ตื่นกันตั้งแต่ตี5กว่า ตั้งใจไปให้ถึงอุทยาน 6 โมงพอดีกับเวลาที่อนุญาตให้ขึ้น ขับรถขึ้นอุทยานนี่เราก็ปิดแอร์ แล้วเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติกัน อากาศดีมาก แล้วก็หนาวมากกกกกกด้วย พี่มารู้ว่ามันหนาวจริงๆ ตอนขึ้นมาถึงด้านบน แทบกรี๊ดดดด
พาคุณแฟนมาตรงจุดที่จุดที่มักมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเวลามาออกกองถ่าย Pre-Wedding จริง ๆ เราสองเคยขึ้นไปถึงน้ำตกเหวสุทัตมาแล้วนะคะ แต่ไม่เคยมาถ่ายพระอาทิตย์แบบนี้ แต่หลังจากมาออกกองถ่ายพรีเวดดิ้งแล้ว เลยกลับไปเล่าให้พี่เอ๋ฟัง เค้าเลยอยากมาบ้างน่ะค่ะ ก็ถ่ายรูปกันไปเพลิน แต่แอบทรมาน เพราะนอกจากลมจะเย็นแล้ว ยังลมแรงอีกต่างหาก แทบแข็งล่ะค่ะตอนนั้น
หลังถ่ายรูปจนพอใจ เราก็กลับกันค่ะ เริ่มหิวแล้วด้วย เราลงมาแวะกินอะไรกันง่ายๆ ที่ร้านข้างทาง เพราะที่โรงแรมไม่มีอาหารเช้าแบบจริงจังให้ มีแค่กาแฟ ขนมปังอะไรนิดหน่อยเท่านั้น อากาศหนาวแบบนี้เลยต้องหาอะไรร้อน ๆ กินกันค่ะ ได้ต้มเลือดหมูกันไปคนละชาม ค่อยดีขึ้นมาหน่อย
กลับถึงโรงแรมนั่งพักกันสักแป๊บ เราก็ check out กันค่ะ เพราะเราจะไปเที่ยวแถววังน้ำเขียวกันต่อ ระยะทางระหว่าง j2 ไป วังน้ำเขียว ก็ไกลพอควรนะคะ แต่อากาศดี เราเลยขับรถเปิดหน้าต่างรับลมไปเรื่อย ๆ แบบไม่รีบ ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่เรามาวังน้ำเขียว เราเลยค่อย ๆ ขับพร้อมกับดื่มด่ำวิวข้างทางกันไปด้วย
เราไปถึง เวลาเวียนรีสอร์ท ก่อนเที่ยงเล็กน้อย เลยยังเข้าห้องพักไม่ได้ค่ะ แต่ไม่ซีเรียสอะไร เราเดินถ่ายรูปเล่นฆ่าเวลารอไปกินข้าวเที่ยงกัน ต้องแอบบอกว่าทางเข้ารีสอร์ทนี่ยากนิดนึงนะ เพราะตัวรีสอร์ทอยู่บนเขาอ่ะ เราต้องขับขึ้นเขาแบบวนซ้ายวนขวาแบบชัน ๆ ให้พอเสียว
เริ่มหิวแล้วค่ะ เลยเดินไปถามที่ฟร้อนท์ว่ามีร้านอาหารใกล้ ๆ ร้านไหนอร่อยบ้าง พนักงานแนะนำร้านนี้มาค่ะ ครัวอิ่มสุข อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่ แต่เหมือนเดิม ร้านตั้งอยู่บนเขาอีกแล้ว ร้านอาหารที่นี่มีที่พักด้วยนะคะ มีทั้งแบบเป็นหลังเล็ก ๆ กับเป็นเต๊นท์ ร้านอาหารโปร่งโล่ง ตั้งอยู่บนเขาแบบนี้ โดนลมเต็ม กินไปหนาวไป จากบนร้านมองลงไปเห็นลานกางเต๊นท์แบบนี้ด้วยค่ะ
มาถึงสั่งน้ำกันก่อนเลย น้ำองุ่น ลองสั่งมากิน แต่เราเฉยๆ
อาหารจานแรก ยำต้นอ่อนทานตะวัน อร่อยดีค่ะ
จานนี้ คอหมูย่าง ของโปรดคนข้างๆ
เอาซุปมาซดแก้หนาวกันหน่อย ต้มยำปลา คือจะบอกว่าชามนี้สุดคุ้ม เพราะปลาชิ้นใหญ่ ๆ และเยอะมาก
กินเสร็จก็กลับรีสอร์ทกัน ไปถ่ายรูปเล่นกันดีกว่า สระว่ายน้ำอยู่ชั้นเดียวกับล็อบบี้ค่ะ ยืนที่ล็อบบี้นี่ก็มองเห็นสระได้เลย แอบชอบสระว่ายน้ำนะ วิวดี แถมเสียวเล็ก ๆ แต่อากาศแบบนี้คงไม่ลงเล่นน้ำ ขอนอนอาบแดดเล่นแทนดีกว่า
ถัดสระว่ายน้ำไปก็เป็นห้องอาหารของรีสอร์ทค่ะ “The Clockwise”
เดินถ่ายรูปเล่นได้สักพัก พนักงานก็มาแจ้งว่าห้องพักเรียบร้อยค่ะ ไป เราไปดูห้องพักกัน เหนื่อยนิดนะ ที่พักต้องขึ้นไปด้านบนอีก คาร์ดิโอกันเยอะเลยล่ะมาพักที่นี่ 5555 ห้องพักเราเป็นแบบวิลล่าค่ะ เปิดประตูห้องมาป๊าบบบบบ นี่คือสิ่งที่เราได้เห็น สวยเหมือนกันเนอะ ภูเขาที่เห็นข้างหน้านั่นคือเขาแผงม้าฮ่ะ
ลองถ่ายย้อนไปที่ประตูดูบ้าง
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังโต๊ะเครื่องแป้งกับตู้เสื้อผ้าในภาพบนค่ะ
โดยรวมห้องพักดูเก๋ดีค่ะ ที่นอนก็หลับสบายดีนะ มุมของห้องนี่ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นพอดี เด๋วพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้ามาถ่ายกันค่ะ
ออกมาดูด้านนอกบ้าง มีระเบียงด้วยนะ
จากห้องพักเรา ออกมาวนขึ้นเขา จะเป็นลานแบบนี้ค่ะ มาถ่ายรูปเล่นได้ นั่งเล่น นอนเล่นกันได้
สโลแกนของที่พักเค้าล่ะ
ลงไปถ่ายรูปเล่นที่โซนด้านล่างบ้าง ถัดจากชั้นที่เป็นล็อบบี้ลงไปด้านล่าง จะมีห้องพักอีกนะคะ ลักษณะเหมือนเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ก็น่ารักดี แต่มีคนพักอยู่เราเลยไม่ได้ถ่ายมา
รีสอร์ทที่นี่มีโซนเต๊นท์ด้วยนะคะ ถัดลงไปจากที่พักที่เป็นกระท่อม
ใกล้ๆ ตรงเต๊นท์จะเป็นสวนดอกไม้เล็กๆ แล้วก็มีป้ายรีสอร์ทด้วย ถ่ายรุปเล่นกันซะหน่อย
สัญลักษณ์ของรีสอร์ทเค้าล่ะ
เดินไล่ลงเขามาเรื่อยๆ ชั้นล่างสุด หรือเป็นด่านหน้าของรีสอร์ท จะมีร้านกาแฟอยู่ค่ะ คนข้างนอกก็สามารถมานั่งจิบกาแฟกันได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปด้านบนที่พักนะคะ เค้าจะมีลานจอดรถอยู่ข้าง ๆ ร้านกาแฟนี่แหละ
ไหนๆก็เดินลงมาถึงแล้ว จิบกาแฟยามบ่ายกันซะหน่อย ร้านนี้หลัก ๆ ก็มีกาแฟนะคะ มีขนมแค่อย่างเดียว คือบราวนี่
จัดการกาแฟกันเสร็จแล้ว ก็กลับไปพักกันที่ห้อง รอเวลาถ่ายพระอาทิตย์ตกกันค่ะ พระอาทิตย์ตกที่เวลาเวียนนี่ก็สวยดีนะคะ
ฟ้าเริ่มมือแล้ว ล็อบบี้กับสระว่ายน้ำเปิดไฟพอดีเลยค่ะ
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องออกไปไหน เพราะเท่าที่ดู ตกกลางคืนถนนน่าจะมืดพอควร แถมร้านอาหารถ้าไม่นับร้านกลางวันก็ต้องขับไปอีกพอควร มื้อเย็นเลยตัดสินใจฝากท้องกับห้องอาหารของรีสอร์ทค่ะ ได้ยินว่าอาหารที่นี่เค้าก็ไม่แพ้ใครล่ะ แต่ถ่ายรูปแอบยากนิดนึงนะ เพราะไฟที่นี่เค้าออกแสงเขียวๆ ฟ้าๆ สลัวๆ ถ่่ายยากชะมัด มาดูเมนูแรกที่เราสั่งกันเลยดีกว่า ชุดน้ำพริก จำชื่อไม่ได้แล้วว่าน้ำพริกอะไร แต่ผักแน่น มีปลาทู 1 ตัว ก็อร่อยดีนะคะ
จานนี้ เห็ดผัดกุ้ง
สั่งอะไรร้อนๆ มาซดแก้หนาวกันหน่อย ต้มแซ่บกระดูกอ่อน กระดูกเค้าอ่อนดีจริงๆ ค่ะ
อิ่มแล้วกลับห้องพักกันค่ะ คุณแฟนเค้ามีแผนจะออกมาถ่ายดาว ไม่ต้องรอดึกมาก แค่ 2 ทุ่ม ดาวก็เต็มฟ้าแล้ว
วันที่ 2 ที่เวลาเวียนรีสอร์ท โดนปลุกแต่เช้าอีกแล้วค่ะ คุณเค้าอยากไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง ลงมาที่ล็อบบี้แอบแวะดูอุณหภูมิกันหน่อย ก็หนาวอยู่ดี ถึงแม้ไม่เท่าเมื่อวาน
เมื่อวานลองถามพนักงานว่าอยากถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นควรไปถ่ายตรงไหน พนักงานแนะนำมาว่าให้ขึ้นไปบนดาดฟ้าของห้องอาหารค่ะ ดาดฟ้าของห้องอาหารก็เป็นลานโล่งๆ ไม่ได้มีไว้รับแขกหรอกนะคะ แต่ก็มีรั้วรอบขอบชิดอยู่ล่ะ ไม่ต้องกลัวตก ถ้าไม่ซนนัก ถ่ายย้อนกลับไปที่สระว่ายน้ำหน่อย
ถ่ายย้อนกลับขึ้นไปทางที่พัก แสงแรกของวันเริ่มมาแล้ว
ลองเปลี่ยนที่บ้าง เดินกลับไปที่ลาน timeless moment เหมือนพระอาทิตย์จะขึ้นทางด้านหลังเขานะ
ถ่ายไปสักพัก เราว่ามุมมันยังไม่ได้ เลยบอกคุณแฟนให้ลองกลับไปถ่ายในห้องพักดู ปรากฏว่า ถ่ายจากห้องพักนี่แหละเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพอดี๊
เริ่มหิวแล้ว เพราะตื่นกันแต่เช้า ลงไปหาอะไรทานกันค่ะ ราคาที่พักรวมอาหารเช้าให้แล้ว เป็นแบบ บุฟเฟ่ต์ค่ะ อาหารไม่ได้เยอะมากนะคะ แต่ก็โอเคค่ะ
อิ่มเสร็จก็มานอนเล่นที่ห้อง จนสายๆ ก็เช็คเอ้าท์เตรียมกลับบ้านกันค่ะ จริงมันมีฟลอร่าพาร์คอยู่ไม่ไกล แต่ตอนเราขับไปถึงนี่ผู้คนมหาศาลมาก เหมือนทัวร์ลง เราเลยเปลี่ยนใจค่ะ มีคนแนะนำให้ไปไร่จิมทอมสัน แต่คุณแฟนดูจากแผนที่แล้วเหมือนต้องขับไปอีกทาง แล้วก็คิดว่าผู้คนคงล้นหลามไม่ต่างจากฟลอร่าพาร์คนะ เลยตัดสินใจไม่ไปกันค่ะ
สุดท้ายเดินทางกลับบ้านกันเลยดีกว่า เพราะไม่อยากจะถึงบ้านมืดค่ำ ขากลับเดิมทีเราตั้งใจไปแวะกินมื้อกลางวันที่ร้านนึง แต่ต้องวิ่งออกทางเส้นปราจีนบุรี เอาเข้าจริง ไปถึงร้านดันปิดอ่ะ เหอเหอเหอ แต่ออกทางนี้แล้วก็เลยตัดสินใจขับกลับ กทม ทางนี้ด้วยเลย แล้วก็บังเอิญเจอร้านนี้เข้าค่ะ ติดป้ายขนาดนี้ ไม่ลองได้ไงใช่มั้ยคะ
ต้องสั่งไก่ย่างเค้ามาลองสิคะ เค้าโปรโมทขนาดนี้นะ สั่งมาแค่ครึ่งตัวเพราะกลัวกินไม่หมด ไก่ค่อนข้างแห้งนะคะ แต่รสชาติดีอยู่
สั่งลาบปลาดุกมากินด้วย
ผัดหมี่โคราช เพิ่งเคยกินครั้งแรกนะเนี่ย แหะแหะ
อิ่มแล้วก็มุ่งหน้ากลับสู่บ้านเราค่ะ ถนนขากลับทางฝั่งนี้นี่ขับยากพอควรเลย มิน่าทำไมพนักงานเค้าถึงบอกให้ขับกลับทางเขาใหญ่ 5555 ลาทริปนี้กันไปด้วยภาพคู่เช่นเคยนะคะ