พิมานเพลิง – ดวงตะวัน
“ดวงตะวัน” เป็นหนึ่งในนักเขียนคนโปรดอีกคนค่ะ หลายคนคงงง เอ๊ะ ปลานี่นักเขียนคนโปรดเยอะจัง 5555 ก็ไม่ได้เยอะมากหรอกกกก แต่คนนี้น่ะโปรดจริงจัง เป็นนักเขียนคนโปรดฝั่งนิยายไทยค่ะ ที่ชอบ เพราะเป็นนักเขียนที่เขียนฉากโรแมนติกได้หวานจิกหมอน แต่พระนางไม่ต้องถูกเนื้อต้องตัวกันเลย แล้วก็เขียนดราม่าได้สะเทือนใจ มีพล็อตเจ๋งๆที่ทำให้ได้ทึ่ง มีสาระและข้อคิดสอดแทรกให้เราได้เรียนรู้ มีมุกที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติ แถมชอบสร้างนักแสดงสมทบมาขโมยซีนอีกด้วย 555 ส่วน “พิมานเพลิง” เล่มนี้เป็นนิยายที่ได้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดมากมายกับคำว่า “ครอบครัว” เป็นนิยายที่บอกให้เรารู้ว่าความสุขในชีวิต ในครอบครัว ไม่ได้หมายถึงชื่อเสียงหรือเงินทองเลยจริงๆ
เรื่อง – พิมานเพลิง
ผู้เขียน – ดวงตะวัน
สนพ – ดวงตะวัน
จำนวนหน้า – 490
ราคา – 340บาท
…เรื่องย่อจาก http://dbooksgroup.com…
เรื่องราวของหนูอ้น หรือสายสิญจน์ น้องชายของบายศรี จากนิยายเรื่อง “รักแผลงฤทธิ์”
สายสิญจน์เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว คืนหนึ่ง เขาไปดูคอนเสิร์ต แต่กลับต้องเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวขี้เหล้าซึ่งกำลังถูกลวนลาม ความช่วยเหลือควรจะจบสิ้นลงแค่คืนนั้น แต่อีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง สายสิญจน์กลับพบว่า หญิงสาวที่ชื่อเดหลีคนนั้นเป็นเจ้านายของเขา
หญิงสาวไร้สาระ ลูกสาวเจ้าของบริษัทผู้ร่ำรวย และใช้ชีวิตราวกับอยู่ในวิมานน่ะหรือจะมาร่วมทำโครงการเพื่อสังคมกับชายหนุ่มที่เติบโตมาในชุมชนยากไร้อย่างสายสิญจน์ได้ ทว่ายิ่งวันที่ได้ใกล้ชิดเดหลี ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่า เดหลีมิได้มีชีวิตที่สวยงามน่าอิจฉาเลย บ้านของหล่อนคือวิมานก็จริง แต่เป็นวิมานไฟที่พร้อมจะลุกร้อนทำให้ทุกคนในครอบครัวไม่มีความสุข สายสิญจน์เริ่มก้าวเข้ามาในชีวิตของเดหลีมากขึ้น ทำให้หล่อนมองเห็นความหมายที่แท้จริงของคำว่าบ้าน ซึ่งไม่ได้ก่อร่างสร้างขึ้นด้วยเพียงอิฐหินปูนทราย ทว่ายึดโยงไว้ด้วยรัก
เดหลีจะดับไฟในวิมานหลังนั้นให้คืนกลับมาเป็น “บ้าน” ที่สงบร่มเย็นได้หรือไม่ และ…สายสิญจน์จะช่วยเหลือหญิงสาวได้อย่างไร ติดตามได้ใน “พิมานเพลิง”
…หลังอ่าน…
เหมือนเรื่อง “รักแผลงฤทธิ์” จะเคยถูกสร้างเป็นละครด้วย แต่ปลาไม่ได้ดูค่ะ มาตามอ่่านนิยายเอาตอนหลัง เรื่องนี้ “พิมานเพลิง” เป็นเรื่องราวของหนูอ้น น้องชายของบายศรี ที่เติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัว เป็นผู้ชายที่ผ่านเหวไปได้อย่างฉิวเฉียดด้วยความรักของครอบครัว แต่เดหลี หญิงสาวที่หนูอ้นเข้าไปช่วยนี่สิ ดูแตกต่างจากหนูอ้นโดยสิ้นเชิง คุณหนูลูกคนรวยที่ถูกตามอกตามใจไปเสียทุกอย่าง มีพ่อถือหางจนทำอะไรก็ไม่เคยผิด แต่บอกตามตรง อ่านตอนแรกแล้วหมั่นไส้เดหลีมาก ไม่ใช่เพราะอิจฉาในความโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย มีเงินทองใช้แบบทิ้งๆ ขว้างๆ ได้ แต่รำคาญในนิสัยของนาง เป็นผู้หญิงที่อ่านแล้วรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ ไม่น่าคบหา นี่บอกตรงๆ ว่าตอนแรกๆแทบจะวาง เพราะรำคาญนางนี่แหละ แต่เชื่อมือคนเขียน “ดวงตะวัน” ว่าต้องมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในนิสัยแย่ๆ ของนางแหละน่า แล้วก็จริงๆ เมื่ออ่านไปเรื่อย จะเริ่มเข้าใจที่มาที่ไปของนิสัยนาง ถึงแม้บางทีก็จะไม่เข้าใจในการกระทำของนางในบางเรื่อง ไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เหมือนคนเขียนจะรู้ว่าคนอ่านต้องคิดแบบนี้แน่ๆ เลยส่งพระเอกของเรามาช่วยขัดเกลา และชี้ให้เห็นถึงปัญหา มันช่างตรงใจคนอ่านอย่างเราซะจริงๆ 555 อ่านต่อไปอีกเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่า เบื้องหลังความหรูหรา ร่ำรวยอู้ฟู่ของนาง กลับน่าสงสารยิ่งนัก คนรวย ใช่ว่าเค้าจะรวยความสุขเสมอไป
นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความรักอันหวือหวา หวานแหวว จิ๊จ๊ะหวานเจี๊ยบของพระนางมากนัก แต่อยากบอกว่าฉากนั่งกินขนมปังปิ้งนี่แอบทำเอาคนอ่านแบบเราจิกหมอนไปเหมือนกัน อ่านเสร็จแทบอยากจะชวนคนข้างๆ ไปกินขนมปังปิ้งด้วยเลย 5555 มุมความรักของพระนางในเรื่องออกแนวไปทางให้ความอบอุ่น ความเข้าใจ ให้ความมั่นใจไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งแตกต่างจากความรักในครอบครัวของเดหลี ที่ทุกคนดูไม่มีความสุข ถึงแม้จะร่ำรวยเงินทองล้นฟ้ามากมาย
คนที่อยากอ่านนิยายที่ไม่ดราม่าหนัก ชนิดน้ำตาท่วมโลก แต่ก็ไม่ถึงกับหวานจนมดไต่หนังสือ ปลาว่าเล่มนี้เหมาะมากนะ เพราะมีสาระสอดแทรกอยู่ในเรื่อง ข้อคิดดีๆ ในการสร้างครอบครัว บทเรียนจากครอบครัวของนางเอกสอนอะไรเราได้มากพอควร ต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นนิยายน้ำดีอีกเรื่องนึงเลยล่ะ