ทุติยอสูร – อลินา
หลังจากอ่าน “ตรีเนตรทิพย์” จบแบบค้างคา (อ่านรีวิว “ตรีเนตรทิพย์” ได้ ที่นี่ ค่ะ) ก็ไม่ควรทิ้งช่วงนานที่จะหยิบเล่มที่ 2 มาอ่านต่อ ไม่งั้นเดี๋ยวลืมค่ะ 555 “ทุติยอสูร” เป็นเล่มที่ 2 เนื้อหาต่อเนื่องจากเล่มแรกเลยค่ะ แนะนำว่าควรอ่านเล่มแรกก่อนนะคะ เพราะไม่ใช่แค่ตัวละครเกี่ยวพันกัน มีเหตุการณ์ที่สืบเนื่องมาด้วย ไม่อ่านเล่มแรกก่อนเดี๋ยวจะงงเอาค่ะ
เรื่อง – ทุติยอสูร
ผู้เขียน – อลินา
สนพ – ลูกองุ่น
จำนวนหน้า – 410
ราคา – 310บาท
… เรื่องย่อจากปกหลัง …
เมื่อโลกล่มสลาย ป่าหิมพานต์ถูกทำลายล้างด้วยมหาอัคคี เทพ อสูร สิ่งมีชีวิตจากป่าหิมพานต์และมนุษย์ ต้องร่วมมือกันสร้างโลกใหม่ขึ้นมาเพื่อความอยู่รอด โลกใหม่ในนาม ‘นวหิมพานต์’
เทพีสาวิณี…ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพีที่มีความงามที่สุดในนวหิมพานต์
เพราะความงาม สาวิณีจึงถูกคาดหมายว่าจะเป็นมหาเทพีองค์ต่อไป
เพราะความงาม ผู้คนมากมายมักจะมองไม่เห็นถึงความฉลาด และความสามารถที่เทพีสาวมี
เพราะความงาม ใครๆ ต่างก็คิดว่าสาวิณีมีทุกอย่างพร้อมสรรพในชีวิต โดยหารู้ไม่ว่าความปรารถนาที่สิ้นหวังของเทพีสาวคือความรัก
พิทยาธร…อสูรหมายเลขสอง
เขาไม่เคยเป็นอะไร นอกจากความขัดแย้งที่น่ารำคาญของสาวิณี
เขาเป็นตัวป่วน เป็นตัวปัญหา เป็นตัวกวนประสาท
ทว่าไข่ทองกินนรในสวนเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
ชีวิตที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยแบบแผนของเทพีสาวิณีเหมือนพลิกคว่ำไม่เป็นท่า ท่ามกลางความมุ่งร้ายจากศัตรูในเงามืด หล่อนต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางแห่งเกียรติยศ หรือเส้นทางแห่งหัวใจ
… หลังอ่าน …
ตามเรื่องย่อด้านบน พระนางเล่มนี้คือเทพีสาวิณี และพิทยาธร ค่ะ ชอบพิทยาธรตั้งแต่เล่มก่อน “ตรีเนตรทิพย์” มาเรื่องนี้ก็ไม่ผิดหวังนะคะ แต่แอบได้เห็นบางมุมที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
อสูรเจ้าสเน่ห์ จะมีมุมอบอุ่น และมีแววเป็นพ่อที่ดีได้ด้วย เทพีสาวิณีก็เช่นกัน ไม่คิดว่าจะมุมเด็ดขาดเฉียบ มีความแกร่งผิดกับความงามภายนอก ต้นตอของเรื่องคือไข่ทองกินนรที่มีมือดีแอบเอามาวางไว้ในสวนของปราสาทอสูร เพื่อหวังว่ากินนรและอสูรคลางแคลงใจกัน หากเทพีสาวิณีและพิทยาธรไม่ไปพบ และยืนยันอยากเอากลับไปคืนในถิ่นของกินนรด้วยตัวเอง เรื่องราววุ่นวายหรือความผูกพันของทั้งคู่คงไม่เกิดขึ้น แต่ไข่กินนรนี้ไม่ใช่ไข่กินนรธรรมดา แต่เป็นไข่ของราชากินนร และเป็นไข่ทองเสียด้วย แต่เป็นไข่ทองที่น่าสงสารเพราะไข่มีรอยร้าว จนทำให้กินนราน้อยที่เกิดมาเกือบจะพิการ
การนำกินนราทองน้อยกลับไปคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่ นำพาให้เทพีสาวิณีกับพิทยาธรเข้าไปรู้เห็นเกี่ยวกับความวุ่นวาย และการแก่งแย่งในหมู่วงศ์วานของกินนร คำทำนายเกี่ยวกับกินนรทององค์ที่ 13 การคานอำนาจกันของราชาและราณีของชาวกินนร การยึดติดกับสิ่งเดิมจนไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงของบรรดากินนรอาวุโส สิ่งเหล่านี้เป็นตัวต้นเหตุของความวุ่นวายภายในของชาวกินนร ที่สุดท้ายบทเฉลยของเรื่องราวชวนพลิกผันให้ได้อึ้ง เมื่อเริ่มจับเค้าได้ว่าคนที่เอาไข่ทองกินนรไปวางไว้ในปราสาทอสูร คือคนที่มีมนต์พันพักต์ ที่แปลงโฉมตัวเองเป็นพิทยาธร (ที่ก่อความวุ่นวายไว้ตั้งแต่เรื่อง ตรีเนตรทิพย์) แต่การเข้าไปร่วมเผชิญเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ในครั้งนี้ กลับส่งผลดีกับเทพีและอสูรลำดับที่ 2 เพราะช่วยเผยให้เห็นอีกมุม และอีกด้านให้เห็นแก่กันและกัน และช่วยกระตุ้นให้เผยความรู้สึกจริงแท้ภายในหัวใจของทั้งคู่ออกมา ว่าแท้จริงต่างแอบเฝ้ามอง และมีใจให้กันและกันมาตลอดเวลากว่า 50 ปี แต่ไม่เคยยอมรับในความรู้สึกจริงแท้ในใจตัวเอง
เมื่อความวุ่นวายภายในกินนรผันผ่านไป ทั้งเทพีและอสูรได้กลับคืนสู่นวหิมพานต์ เรื่องของผู้ร้ายที่ใช้มนต์พันพักต์ถูกรายงานสู่บรอสูร และบรเทพ เพื่อเฝ้าตามหาเพื่อจับตัวมาลงโทษ และโชคร้ายเมื่อผู้ร้ายตัวจริง คิดกำจัดเทพีสาวิณีเพราะคิดว่าเทพีเริ่มรู้ทัน แต่โชคดีที่เทพีได้ดอกไม้ที่ช่วยปกป้องพิษภัยมาจากแดนของกินนร ทำให้เทพีรอดจากเงื้อมมัจจุราชมาได้ และกลายเป็นเหตุให้โฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ร้ายเผยโฉม แต่ที่ทำให้ชวนอึ้งคือผู้ร่วมมือนั่นเอง
เรื่องราวเล่มนี้จบลงแบบยังไม่เคลียร์นัก มีเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก รอบนี้เป็นคราวของปาราวตีเทวีบ้าง ความเอาแต่ใจตัวเอง อาจเป็นต้นกำเนิดของความวุ่นวายที่จะตามมาได้ ว่าแล้วก็อยากไปหยิบเล่มต่อไปมาอ่านต่อให้หายคาใจ นี่แอบเชียร์ด้วยว่าบรเทพจะคู่กับปาราวตีหรือไม่ น่าจะเหมาะกันนะ หัวใจศิลา กับอสูรีเทวีจอมเหวี่ยงเนี่ย อิอิ
โดยรวมของเรื่องนี้มีความหวานขึ้นมาอีกนิด มีที่มาที่่ไปของความรักที่ชักชวนให้คล้อยตามได้ ถึงแม้จะไม่หวานจนจิกหมอนก็ตาม ในส่วนของตัวละคร เรื่องที่แล้วชอบพิทยาธรยังไง เรื่องนี้ก็ยังชอบอยู่ค่ะ มีมุมน่ารักเพิ่มขึ้นด้วย อาจจะดูยียวนน้อยกว่าเล่มแรกก็ตาม แต่ก็ยังดูมีเสน่ห์เหมือนเดิม ตัวพล็อตเองก็ซับซ้อนขึ้นมาอีกหน่อย มีความแผนซ้อนแผนกันมากขึ้น ดูมีอะไรน่าค้นหากว่าเดิม นิยายเรื่องนี้สอดแทรกขอคิดดีๆ ไว้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการปกครอง ผู้ปกครองที่ดี ผู้นำที่ดี ไม่อยู่ที่เพศเสมอไป การเป็นผู้นำที่ดี คือต้องนำพาผู้คนไปสู่สิ่งที่ดี และแก้ปัญหาไปพร้อมๆกันได้ด้วย และต้องเป็นคนที่นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก อีกเรื่องที่น่าเอาขบคิดคือการยอมรับความเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งบนโลกไม่จีรัง มีการเปลี่ยนแปลงเสมอไปตามกาลเวลา เราแค่ไม่ยึดติด และยอมรับในการเปลี่ยนแปลงนั้น พร้อมตั้งรับและปรับตัวไปพร้อมกับสิ่งที่จะเปลี่ยนไป นั่นน่าจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้ามากกว่าย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลังเข้าคลอง การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เราปรับตัวและรอเวลาให้เราคุ้นชิ้นกับการเปลี่ยนแปลงนั้นเท่านั้นเอง … ส่วนตัวขอให้คะแนนเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่แล้วค่ะ